วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

มะรุม

มะรุม

ดอกมะรุม

มะรุมเป็นไม้อายุยืนไม้ต่ำกว่า 50 ปี เป็นพืชที่มีคุณค่า รับประทานได้ทั้งยอด ใบ และฝัก

ระยะผลัดใบ ใบจะเหลือง ดอกที่ออกจะเหี่ยวแห้ง ท้ายสุดใบจะร่วงทั้งหมด 


พันธุ์
-มะรุมอินเดีย SK1 จุดเด่นต้นเตี้ย  ฝักยาวใหญ่เนื้อเยอะ ผลผลิตดก
-มะรุมทวาย

การขยายพันธุ์
-การปักชำ เลือกเฉพาะกิ่งพันธุ์สวย แล้วตัดแต่งกิ่ง ต้นจะติดเร็วโตเร็วกว่าการเพาะแบบเมล็ด
-เมล็ด

สายพันธุ์
-

การปลูกมะรุม 
การปลูกมะรุมหากต้องการการเก็บเกี่ยวที่รวดเร็ว ควรใช้วิธีการปักชำโดยคัดเอาเฉพาะกิ่งใหญ่ ส่วนการใช้เมล็ดปลูกใช้เวลานานกว่าจะได้เก็บเกี่ยว

มะรุมก้านใบสีแดงจะให้ผลฝักเล็ก
มะรุมก้านใบสีเขียวจะให้ผลฝักใหญ่ เนื้อหนา




ลำต้นมะรุม มีน้ำยางออกมา




การใช้ประโยชน์
-ฝักมะรุมนำไปทำอาหารเช่น แกงส้ม 

-ยอดอ่อนมะรุม หากเป็นใบสดมีกลิ่นคาว มีรสชาติจืด ขื่นเฝื่อน เมื่อสุกจะมีรสหวานและไม่มีกลิ่นคาว  ยอดมะรุมผัดในน้ำมันหอย กินคู่กับน้ำพริกก็ได้

-น้ำมันสกัดเมล็ดมะรุม หรือน้ำมันมะรุม เป็นที่นิยมในอินเดีย คนอินเดียนิยมทำน้ำมันมะรุมใช้เอง โดยผ่านกรรมวิธีสกัดเย็น ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนอินเดียเป็นเวลานับพันปี น้ำมันมะรุมมีฤทธิ์ร้อนช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต


โรคและศัตรูพืช
-โรครา ทำให้เปลือกมีสีดำ
-หนอนเจาะลำต้น หนอนกินใบ

บวบ

บวบ



การปลูก
1.การทำไม้ค้างจากไม้ไผ่รวกหรือไผ่เลี้ยง จะทำในลักษณะเป็นอุโมงค์เพื่อลอดอุโมงค์เก็บผลหรือทำค้างขนาดเล็กรูปกากบาท ก็ตามแต่สะดวก
2. หากพื้นที่ปลูกมีลมแรงประจำควรปลูกกล้วยไผ่ป้องกันลม
3. บวบเหลี่ยมและบวบหอม เป็นพืชที่ปลูกง่าย ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงและเคมีเลย
4. เพื่อป้องกันตลาดบวบราคาถูก ควรปลูก ฝัก แฟง น้ำเต้า มะระแก้ว มะระขี้นก มะระจีน เสริมในแปลงปลูก เพื่อขยายโอกาสการขายสินค้ามากขึ้น

:การปลูกบวบ ควรปลูกลงหลุมไปเลย โดยที่ไม่ต้องเพาะกล้าก่อน โดยแช่น้ำ 1 คืน ก่อนปลูกลงหลุม

:เมื่อเถาบวบเริ่มหมดอายุ เถาจะเริ่มตาย ควรรีบกำจัดก่อนสีของเถาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เพราะเถาล์จะแห้งแข็งรื้อภายหลังยาก





พันธุ์บวบ
-บวบป้อม กลิ่นหอม
-บวบยาว ไม่หอม
-บวบงู
-บวบเหลี่ยม
-บวบหอม เมล็ดมีราคาแพงและหายากกว่าบวบเหลี่ยม แต่โดยการปลูก ปลูกง่ายทั้งคู่

การนำไปใช้ประโยชน์
: โคนเถาบวบนำมาทำไม้เท้า แต่ไม่ทนทานใช้งานไม่นานจะผุ
: โดยส่วนใหญ่เถาบวบเมื่อหมดอายุ นำมาทำปุ๋ย
:ใยบวบนำไปขัดผิว

โรค
หนอนชอนใบ ชอบวางไข่ตามใบพืช

วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ไผ่

ไผ่


ไผ่กิมซุงผู้ที่เป็นโรคเกาส์รับประทานได้

พันธุ์
-พันธุ์หมาจู เก็บเกี่ยวในช่วงหน้าร้อนจะขายดี
-พันธุ์กิมซุง เก็บเกี่ยวในช่วงหน้าร้อน ในเดือนมกราคม-เมษายนจะขายดีมากเพราะไผ่ตงและไผ่เลี้ยงหวานไม่ออกหน่อ ทนน้ำท่วม
-ไผ่ตง ถือว่าเป็นพันธุ์ไผ่หนัก อายุยืนนาน หน่อมีขนาดใหญ่ มีขนคันตามหน่อแต่หากส่งตลาดจะตัดขนส่งตลาดก่อน เก็บเกี่ยวในช่วงหน้าฝนทำให้ออกนอกฤดูยากมาก  ไม่ทนน้ำท่วมท่วมเพียง2 เดือนต้นตาย
-ไผ่เลี้ยงหวาน เก็บเกี่ยวในช่วงหน้าฝนจะขายดี

การตลาด
-การขายหน่อไม้สด ราคากิโลกรัมละ 20-60 บาท ราคาถูกช่วงหน้าฝนเพราะผลผลิตออกเยอะ
-ผลิตกิ่งพันธุ์ขาย
-หน่อไม้ดอง

การนำไปใช้
-ข้อไผ่นำทำเผาทำถ่านเพื่อนำไปทำเป็นตัวดับกลิ่น สบู่หรือแชมพูจากถ่านไม้ไผ่เพื่อดูดสารพิษ
-นำไปทำถ่านกัมมันต์
-หน่อไม้ดอง
-ลำต้นไผ่ตงนำไปทำไม้ค้ำพืชผลไม้
-ไผ่ตงหนักใช้สำหรับทำ Bamboo floor
-ไม้ไผ่ตรงหรือไผ่ซางหม่น มีลำต้นตรง เนื้อไม้หนาและแข็งแรง จึงนำมาผลิตตะเกียบ แหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดในไทยคือ  แพร่ ลำปาง พะเยา อุตรดิตถ์

วิธีป้องกันมอด
1. แช่ในน้ำ 1-2 เดือน แล้วนำมาตากแดดให้แห้งแล้วอัดด้วยน้ำยาเคมี
2. การต้มไม้ไผ่ โดยดัดแปลงมาจากวิธีการของช่างทำบั้งไฟ โดยวิธีนี้จะห่างไกลจากมอดและปลวกเป็นเวลา 5 ปี

มะม่วงน้ำดอกไม้

มะม่วงน้ำดอกไม้

มะม่วงน้ำดอกไม้ผลใหญ่ เนื้อแน่น ไม่เละ ลูกสวย ไม่มีเสี้ยน


สายพันธุ์
-น้ำดอกไม้สีทอง R2E2 เป็นสายพันธุ์ที่มาจากต่างประเทศ ผลคล้ายมะม่วงกำปั่น รสชาติเปรี้ยวแต่เมื่อสุกจะหวาน


การขยายพันธุ์
-เสียบยอด มะม่วงเป็นพืชที่มียางเสียบหรือเปลี่ยนยอดง่ายจึงนิยมขยายพันธุ์โดยการเสียบยอด  การเสียบยอดนั้นอุปกรณ์มีดต้องสะอาด และวางตำแหน่งเยื่อเจริญให้ตรงกันหรือเน้นตรงบริเวณที่เป็นเปลือกให้เป็นแนวเดียวกัน และหากอยู่ในพื้นที่กลางแจ้ง คลุมด้วยถุงดำหรือกระดาษที่มีคุณสมบัติพรางแสง
-เมล็ด


การเก็บเกี่ยว
-เมื่อลูกแก่จะมีสีนวล มองดูคล้ายมีแป้งมาทาไว้ ก้นมะม่วงจะเริ่มเหลืองจึงเก็บเอามาบ่มโดยเอาด้านขั้วมะม่วงคว่ำลง เมื่อสุกจะพร้อมกันทั้งลูก


โรค
-แอนแทรคโนส เมื่อความชื้นสูงเชื้อราระบาดได้ง่าย กำจัดโดยเด็ดใบทิ้งและเผาทำลาย หรือฉีดพ่นด้วยสาร เมนโคเซบ ยอดที่แตกใบใหม่ออกมาจะปกติ
-โรคผลแตก สาเหตุเกิดจากต้นพืชว่างเว้นจากการได้รับน้ำมานาน เมื่อได้รับน้ำในปริมาณมากเกิน เกิดการขยายตัวของผนังเซลล์อย่างรวดเร็วจึงทำให้ผลแตก หรืออีกเหตุผลหนึ่งคือเข้าหน้าฝนพอดีต้นมะม่วงได้รับธาตุ N จากน้ำฝนมากเกินไปเนื่องจากธาตุไนโตรเจนทำให้เกิดเซลล์แบ่งตัวทำให้ผิวมะม่วงแตก  ลักษณะนี้ยังจะทำให้เกิดโรคซ้ำซ้อนเช่น โรคผลเน่า วิธีการป้องกันและแก้ไขคือการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำและหลีกเลี่ยงการให้น้ำเกินความจำเป็นแก่พืช

พริกไทยสด

พริกไทยสด

พริกไทยชอบความชื้นในอากาศค่อนข้างสูง เป็นไม้ในร่ม แหล่งปลูกมักอยู่ ตราด จันทบุรี ระยอง และภาคใต้ ใช้เงินลงทุนสูง

พริกไทยเจริญเติบโตเลื้อยไปกับไม้ต้นใหญ่ ต้องอาศัยไม้อื่นจะเจริญเติบโตได้ดี เช่น ต้นยมหอม ทุเรียน โดยที่ไม่ดูดน้ำเลี้ยงแย่งอาหารจากต้นไม้

การขยายพันธุ์
-เพาะเมล็ด
-การปักชำโดยอาศัยลำต้นส่วนยอดหรือส่วนอื่นที่ไม่แก่มาก
-ตอนกิ่ง



สายพันธุ์
-มาเลย์ พริกไทยทรงสูง เลี้อยสูง ไม่ดก ช่อสั้น ความเผ็ดมาก
-ซีลอน พริกไทยทรงพุ่มเตี้ย เลี้อยไม่สูง ผลผลิตดกและช่อยาว ความเผ็ดน้อย

การปลูก
การปลูกพริกไทย ปลูกใต้ต้นมะรุม หูกระจง มะกอก ส้มโอ ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ที่ประเทศเวียดนามปลูกใต้ต้นนุ่น

พริกไทยเมื่อออกดอกแล้ว หากต้องการให้ติดลูกห้ามโดนแดดจัด จึงปลูกพริกไทยใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อบังแสงแดดจัด ดอกที่ออกมาจะติดลูกดก เช่น ต้นกระท้อน ขนุน

-การดูแลรักษารดน้ำอย่าให้ขาด เพราะเป็นพืชชอบความชื้น

การนำไปใช้ประโยชน์
-พริกไทยสด
-พริกไทยแห้ง

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การผลิตต้นกล้ากล้วยหอมทอง

การผลิตต้นกล้ากล้วยหอมทอง

ที่มาและความสำคัญ
กล้วยเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและมีสรรพคุณทางสมุนไพร สามารถรักษาโรคกระเพาะอาหาร รับประทานได้ทั้งผลสดและแปรรูป เป็นอาหารชนิดต่างๆได้หลากหลาย กล้วยที่เราคุ้นเคยส่วนใหญ่เป็นกล้วยที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเช่น กล้วยน้ำว้า  กล้วยหอม กล้วยไข่

สำหรับพื้นที่ที่เป็นแหล่งปลูกกล้วยหอมทองเพื่อการส่งออกมีต้นกล้าไม่เพียงพอ ต้นกล้ามีขนาดแตกต่างกันมากทำให้การเก็บเกี่ยวไม่พร้อมกัน ต้นกล้ามีการสะสมเชื้อโรคและแมลง ทำให้ผลผลิตไม่สม่ำเสมอและมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ตลอดจนผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ไม่พร้อมกัน ทำให้มีปัญหาในการจัดการแปลง จึงนำเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ซึ่งเป็นเทคนิคหนึ่งของการขยายพันธุ์ มาช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนต้นพันธุ์และสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มมากขึ้น


การปลูกและดูแลต้นกล้วยหอมทองเพื่อให้ได้ผลผลิตตามกำหนดเวลา

1. ต้นกล้ากล้วยหอมทองจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้จากการนำหน่ออ่อนมาฟอกให้ปราศจากเชื้อโรคและเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์ภายใต้สภาพปลอดเชื้อ

2. ต้นกล้าที่ย้ายออกปลูกสภาพโรงเรือนที่มีความสูง 20-30 ซม. สามารถนำไปปลูกลงแปลงโดยขุดหลุมขนาด 50x50x50 ซม. และใส่ปุ๋ยคอกเก่าหรือปุ๋ยหมักรองพื้นโดยใช้ระยะปลูก 2x2 เมตร

3. การใส่ปุ๋ยและพรวนดิน แบ่ง 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 และ 2 ใส่ปุ๋ย 16-16-16 และปุ๋ยคอกเมื่อลงแปลงปลูกได้หนึ่งเดือนและสามเดือน ทำให้ต้นสมบูรณ์ ครั้งที่ 3 ใส่ปุ๋ย 13-13-21 เมื่อปลูกลงแปลงได้หกเดือน(กล้วยเริ่มออกปลี) เพื่อช่วยให้ผลดกและรสชาติหวานหอม

4. การให้น้ำควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะช่วง 1-4 เดือนแรก ถ้าเป็นการให้น้ำตามร่องควรให้อย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง

5. การกำจัดวัชพืชและดูแลแปลงในช่วงที่ต้นกล้วยยังเล็ก ควรถางหญ้าหรือวัชพืชที่มาแย่งอาหารกล้วยและดูแลแปลงให้สะอาด อย่าให้เป็นสะสมของโรคและแมลง

ุ6. การตัดแต่งหน่อกล้วยหอมทอง เมื่อปลูกกล้วยไปได้ 5-6 เดือน ก่อนตกเครือกล้วยจะแตกหน่อออกมามาก ควรเลือกหน่อไว้แทนต้นแม่เดิมเพียง 2 หน่อแรก ควรเป็นหน่อที่อยู่ตรงข้ามของต้นเดิมซึ่งมีรากลึกและแข็งแรง

7. การป้องกันโรค โรคใบจุด มักจะเป็นช่วงที่ใบแก่หรือต้นเริ่มมีอายุ 5-6 เดือน จะระบาดมากในช่วงฤดูฝน การป้องกันตัดใบที่เป็นโรคออกไปจากแปลงหรือเผาทำลาย

8. การป้องกันแมลง แมลงมักจะระบาดระหว่างเปลี่ยนฤดู ได้แก่ปลายฝน ต้นหนาว และปลายหนาว ต้นร้อน หนอนปลอกกันกินใบและยอดอ่อน ควรหมั้นตรวจตราและตัดใบทิ้งหรือฉีดยาสมุนไพร

9. การป้องกันลม ถ้าลมแรง ทำให้ใบฉีกขาดมาก ต้นหักและล้มตายเป็นจำนวนมากถ้าพื้นที่ปลูกมีลมแรงประจำควรปลูกพืชใหญ่ป้องกันลมหรือใช้ไม้ค้ำต้น เพื่อป้องกันการโค่นล้ม

10. การคลุมผล ใช้ถุงพลาสติกคลุมผลกล้วย หลังจากปลีกล้วยยาวสุดเครือและตัดปลีทิ้ง ให้คลุมถุงได้ทันที(ประมาณ 2 สัปดาห์หลังออกปลี)

11. การเก็บเกี่ยว กรณีต้นกล้วยหอมทองที่ปลูกสมบูรณ์และมีการให้ปุ๋ยและน้ำที่เหมาะสมสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เมื่อปลูกประมาณ 8-10 เดือนหรือเมื่อผลแก่ประมาณ 70-80 %  บ่มแก๊สเป็นเวลาหนึ่งคืนเพื่อให้กล้วยสุก

ประโยชน์
1. ได้ต้นกล้ากล้วยหอมที่สะอาดปราศจากโรคและแมลง
2.สามรถปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเวลาใกล้เคียงและให้ผลผลิตต่อต้นได้มากขึ้น

รายชื่อผู้ประดิษฐ์
1. คุณมณฑา วงศ์มณีโรจน์
2. คุณรงรอง หอมนวล
3. คุณสุลักษณ์ แจ่มจำรัส

ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง สถาบันวิจัยและพัฒนา กำแพงแสน  อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
โทรศัพท์ 034-351399, 034-281092
โทรสาร 034-351392
E-mail rdimow@ku.ac.th

ที่มา : เอกสารเผยแพร่

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ค่า pH ของดิน

ค่า pH ของดิน

ค่า pH ของดินบอกค่าเป็นตัวเลขตั้งแต่ 1-14

ถ้าดินมีค่า pH น้อยกว่า 7 แสดงว่าดินเป็นดินกรด ยิ่งมีค่าน้อยกว่า 7 มาก ก็จะยิ่งเป็นกรดมาก  แต่ถ้าดินมีค่า pH มากกว่า 7 แสดงว่าดินเป็นดินด่าง สำหรับดินที่มี pH เท่ากับ 7 พอดีแสดงว่าดินเป็นกลาง แต่โดยปกติแล้วpHของดินทั่วไปจะมีค่าอยู่ในช่วง 5-8  พืชแต่ละชนิดชอบช่วงของค่า pH แตกต่างกัน  pH ของดินมีความสำคัญต่อการปลูกพืชมาก เพราะเป็นตัวควบคุมการละลายธาตุอาหารในดิน ออกมาอยู่ในรูปของสารละลายหรือน้ำในดิน ถ้าดินมี pH ไม่เหมาะสม ธาตุอาหารในดินอาจละลายออกมาได้น้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช หรือในทางตรงกันข้าม ธาตุอาหารบางชนิดอาจละลายออกมาในดินมากเกินไป จนเป็นพิษต่อพืชได้ สำหรับพืชทั่วๆไปมักจะเจริญเติบโตในช่วง pH 6-7




ดินมีค่าเป็นด่าง แก้ไขโดยการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยเคมีได้ผลเร็วแต่ราคาแพงและทำลายหน้าดิน
ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพืชสด ให้ผลช้า และต้องมีความชื้นเข้าช่วย จึงได้ pH โครงสร้างดินและชีวภาพที่หลากหลาย

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เพกา

เพกา
ต้นเพกาหรือลิ้นฟ้า หรือมะลิตไม้ ต้นเพกามีความสูง 10-15 เมตร เป็นไม้เนื้ออ่อน ทนความร้อนทำหน้าที่ฉนวนได้ดีเช่นเปลือกไม้เพกา นำมารองมือในการยกหม้อ ในสมัยโบราณ


พันธุ์เพกา
-เพชรโนนผึ้ง
-เพกาพันธุ์เตี้ย
-พันธุ์เนื้อ
-พันธุ์บาง


ขยายพันธุ์
-การปักชำ
-การสกัดราก




การติดผลเพกา
ต้นเพกาออกดอกดกมาก ออกดอกต้นละกิ่งดอกเต็มช่อ ดอกบานเต็มที่ในเวลากลางคืน  แต่ส่วนใหญ่เกสรไม่ผสมกันดอกจึงร่วงลงพื้น ในทางธรรมชาติค้างคาวเล็บกุดเป็นสัตว์ที่ช่วยผสมเกสรเพราะค้างคาว (ค้างคาวเล็ก ค้างคาวกล้วย)หากินในเวลากลางคืนดูดกินน้ำหวานจากดอกเพกา ในกรณีที่พื้นที่ปลูกเพกาไม่มีค้างคาวการผสมเกสรก็จะได้น้อยลงจากแมลงกลางคืนชนิดอื่นๆ เช่น ผีเสื้อ

การปลูกเพกาแทรกระหว่างต้นไม้ใหญ่อื่นๆเพื่อลดอากาศร้อนลงไม่ให้รังไข่ฝ่อพร้อมการผสมพันธุ์

การผสมเกสรด้วยเทคนิค ต้นเพกามีความสูงมากจึงต้องตัดให้กิ่งใหม่งอกออกมา ตัดประมาณหัวเข่า 50-70 เซนติเมตร  และไม่ควรเอาไว้กิ่งเยอะเพราะจะแย่งอาหารและน้ำ แสงแดดกัน การช่วยผสมเกสรเพื่อให้ติดดอกทำได้ง่ายขึ้น หากผสมเกสรแล้วดอกยังร่วงแสดงว่าต้นเพกาอาจจะไม่สมบูรณ์

สารอาหาร
วิตามินซีสูง

การอาหาร
ผัดน้ำมันหอย , กินเพกาสดกับน้ำพริก ,ลวกจิ้มกับน้ำพริก, เพกาผัดไข่ ,คั่วผักเพกาอ่อน, ,แกงคั่วเพกาอ่อน, ยอดเพกาผัดหมู, รสชาติของเมนูอาหารออกขม หวานเล็กน้อย
ซุปดอกลิ้นฟ้า ,กินกับลาบก้อย
ทานกับน้ำพริก จะทำให้อาหารมีรสเผ็ดมากขึ้น
-การทำให้เพการสขมน้อยลง โดยนำไปปิ้งให้แห้งจะยิ่งขมน้อยลง แล้วไม่ให้โดนน้ำ ถ้านำไปต้มจะขมกว่าปิ้งไฟ



อัญชัน

อัญชัน


การปลูก
เพาะจากเมล็ดลงดิน กลบดิน รดน้ำประมาณ 7 วันจะงอก และออกแบบให้เลื่อยขึ้นไปตามรั้วทั้งแนวตั้งและแนวนอน รับแดดให้มากเพราะเป๋นพืชชอบแดด การปลูกและดูแลไม่ควรใช้สารเคมีเพราะนำไปทำอาหารและยา ผลิตภัณฑ์อาหารที่ต้องการใส่สีเพราะปัจจุบันนิยมใส่สีจากพืชและผลไม้กันจริงจัง และตลาดต่างประเทศต้องการสินค้าปลอดสารพิษจึงจะได้ราคาและกำลังการต่อรอง ลูกค้าจากต่างประเทศก็เช่นญี่ปุ่น รัสเซีย

รั้วที่ใช้เลื้อยเช่น ไม้ ไม้ไผ่ ตอต้นไม้ ไม้ตายซาก กิ่งอัญชันจะเลื้อยออกไปทุกทางเพื่อรับแดด

การรดน้ำรดวันละ 1 ครั้ง ใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง

การเก็บเกี่ยว
ดอกอัญชันเริ่มออกดอกตั้งแต่ต้นอายุได้ 45-60 วันในการเพาะจากเมล็ด
เก็บดอกตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง
หน้าหนาวดอกอัญชันพักต้น มีดอกประปรายและไม่ค่อยสมบูรณ์ จึงเก็บได้น้อย

เมื่อเริ่มออกดอกในชุดแรกจึงเริ่มเก็บได้เลย และพักต้นสักพักให้โตยืดยาวออกไป แล้วจึงเก็บดอกอีกครั้งจะได้ผลผลิตเยอะกว่าไม่พักต้น

เมื่อเก็บดอกอัญชัน ตากแดดทันที ใช้เวลาตาก 3 แดด ห้ามตากน้ำค้างโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ขึ้นรา ในส่วนของฤดูฝนจำต้องมีโรงอบจึงจะได้ดอกอัญชันแห้ง ในฤดูฝนเก็บดอกอัยชันได้จำนวนเยอะที่สุด

เมื่อได้ดอกอัญชันแห้งบรรจุใส่ถุงมีอายุ 8 เดือนซึ่งสีของดอกจะซีดลงมากๆ หากเก็บไว้นานมากสีของดอกจะไม่เป็นสีน้ำเงินแต่จะเป็นกรมท่าออกเทาๆ

เมล็ดแก่ของอัญชันมีสารพิษ trypsin

ศัตรู
ตั๊กแตนกัดกินดอก

-หนอนกระดึบ อาศัยอยู่ใต้โคนต้นอัญชันและใต้ใบ กินใบอัญชันเป็นอาหารในเวลากลางคืน

การตลาด
การซื้อขายดอกอัญชัน ซื้อขายกันแบบดอกอัญชันแห้ง ราคากิโลกรัมละ 500 บาท เป็นที่ต้องการของตลาดตลอดเวลาเพราะมีจำนวนผู้ผลิตน้อย



วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปุ๋ยคอก

ปุ๋ยคอก

ปุ๋ยคอกที่ใหม่จะมีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าปุ๋ยคอกที่เก่าและเก็บไว้นาน ทั้งนี้เนื่องจากส่วนของปุ๋ยละลายได้ง่าย  ถูกชะล้างออกได้ง่าย บางส่วนกลายเป็นก๊าซสูญหาย

1.ขี้ไก่ ไก่กินเมล็ดข้าว เมล็ดพืช รำ แมลงและพืชบางชนิดเป็นอาหาร  มีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าขี้หมู มีปริมาณไนโตรเจนสูงมาก ก่อนนำไปใช้ง่ายทำการหมักเพื่อให้หายร้อนก่อน คล้ายทำการย่อยสลายเพื่อกำจัดแหล่งสะสมของเชื้อโรคโดยเฉพาะเชื้อราในดิน  พืชที่ใส่ขี้ไก่เช่น มะพร้าว มะละกอ

2.ขี้หมู มีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าขี้วัว หมูกินรำข้าวเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน การนำไปใช้เราจะหมักขี้หมูกับ EM กากน้ำตาล จะได้ธาตุอาหารเยอะขึ้น ผสมน้ำหมักขี้หมูกับน้ำเปล่า ฉีดพ่นทางใบหรือรดให้ต้นไม้

3.ขี้วัว ก่อนนำไปใช้ทำการหมักก่อนเพื่กกำจัดวัชพืช เพราะพิจารณาวัวกินหญ้าเพียงอย่างเดียวและเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง

4.ขี้ควาย

5.ขี้ช้าง กินหญ้ากินใบไม้เป็นอาหาร ช้างป่ากินสับปะรด ช้างไม่เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง มูลช้างจึงมีเนื้อหยาบไม่ละเอียดเหมือนมูลวัวควาย

6.ขี้เป็ด

7. ขี้ค้างคาว มีปรืมาณฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมสูงมาก

8. มูลกระต่ายมีปริมาณไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ทั้งสามชนิดสูงมาก

9. ขี้ม้า ม้าไม่ได้เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง มูลจึงหยาบและกลิ่นไม่เหม็นมากสลายตัวช้ากว่ามูลวัวและควาย หากขี้ม้าร้อนแสดงว่ามีจุลินทรีย์และซากพืชจำนวนมาก หากต้องการให้จุลินทรีย์ลดลงเติม EM และกากน้ำตาลหมักไว้จนย่อยสลาย อุณหภูมิจะลดลงด้วย

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

กาแฟ

กาแฟ


พันธุ์กาแฟ
-โรบัสต้า ปลูกในพื้นที่ราบและชื้นสูง ชอบอยู่ใต้ร่มเงา หากปลูกพื้นที่กลางแดดจะไม่โต ภาคใต้ประเทศไทยเหมาะปลูกและได้คุณภาพ แต่ปัจจุบันพบปลูกในภาคอีสานเช่นกัน ปากช่อง โคราช, สกลนคร, ขอนแก่น, กาฬสินธุ์ (แต่ยะงไม่มีการการันตีคุณภาพกาแฟที่ได้)
-อาราบิก้า ส่วนใหญ่เรียกกาแฟสด การนำไปใช้ส่วนใหญ่ผสมกับกาแฟโรบัสต้าเล็กน้อย
เหมาะปลูกบนพื้นที่สูง ภาคเหนือประเทศไทยเหมาะปลูก ต้องการความชื้นสูง อากาศเย็น น้ำดีสมบูรณ์และแดดรำไร

การปลูก
การปลูกกาแฟเน้นพื้นที่ปลูกเป็นสำคัญจึงได้กาแฟรสชาติที่ดี บอดี้ที่ดี กลิ่นที่ดี เมล็ดยิ่งใหญ่ยิ่งมีคุณภาพ เช่น
กาแฟอาราบิก้า ปลูกพื้นที่สูงระดับน้ำทะเลที่ 600 เมตรขึ้นไป เน้นชัยภูมิที่ดีในการปลูก ดินดี อากาศดี มีการทดลองปลูกในพื้นที่ต่ำเช่นกัน ได้ผลผลิตเช่นกัน แต่เมล็ดกาแฟสะสมสารกาแฟไม่ดี พื้นที่ต่ำเมล็ดกาแฟสุกเร็ว สะสมสารกาแฟได้น้อย กาแฟหอมน้อยกว่า รสชาติไม่ดี บอดี้ไม่ดี และเมล็ดกาแฟเล็ก

กาแฟโรบัสต้า ปลูกในที่ราบและชื้นสูง นำไปทำกาแฟผง

-นิสัยส่วนตัวของกาแฟชอบสิงอยู่ใต้ร่มเงา จึงมีผู้ปลูกแบบผสมผสานเช่น ปลูกแซมร่องสวนยางพารา สวนผักหวานป่า
-การเพาะชำกาแฟ ในเวลา 2 เดือนเมล็ดกาแฟจึงงอก ก่อนเพาะเมล็ดผสมเชื้อไตรโคเดอร์ม่าด้วย
-ปีที่ 3 เม็ดกาแฟเริ่มติดต้น



พื้นที่เพาะปลูก



ผลิตภัณฑ์
โรบัสต้าเหมาะกับการนำมาแปรรูปผลิตภัณฑ์ผงกาแฟ

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผักชี

ผักชี


สายพันธุ์
ผักชีพันธุ์มาเล ลำต้นแข็งแรง ใบผักชีขนาดกลาง ใบหนา ก้านแข็ง ไม่ช้ำง่าย ทนทานต่อการขนส่ง เมล็ดพันธุ์บรรจุโดยกระสอบป่าน
-พันธุ์สายสมร

การขยายพันธุ์
-เพาะเมล็ด
-กกต้นติดราก

การปลูก
เตรียมดินให้ละเอียดที่สุดและรองพื้นด้วยขี้ไก่ เพื่อเป็นปุ๋ยให้ต้นผักชีก้านใหญ่น้ำหนักดี ผักชีก่อนงอกเป็นพืชที่ต้องการน้ำเยอะจนแฉะ หลังจากงอกแล้วลดปริมาณการให้น้ำลง ยิ่งช่วงหน้าฝนไม่ต้องรดน้ำก็ได้ เพราะหากน้ำมากหลังงอกใบจะอ่อนแล้วจะติดเชื้อโรคได้ง่าย
ด้านเมล็ดพันธุ์ผักชีส่วนใหญ่เป็นเมล็ดพันธุ์เคลือบกันรามาแล้ว หว่านลงแปลงได้เลย ถ้านำเมล็ดไปแช่น้ำยาเคลือบกันราจะละลายน้ำหายไปหมด

หากปลูกผักชีใช้ในครัวเรือนเฉพาะและเน้นการปลอดสารพิษและมีพื้นที่ปลูกขนาดเล็ก นำรากผักชีที่ได้มาปักลงดินไม่นานผักชีแตกยอดใหม่ หากเด็ดนำไปใช้ในครัวเรือนก้จะแตกออกมาเรื่อยๆ เมื่อปล่อยให้ต้นแก่เป็นเวลา 2 เดือน ต้นออกดอกเมื่อเอาไว้ทำพันธุ์ต่อไป เป็นวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายและเน้นการปลอดสารพิษเป็นสำคัญ

พรางแสงต้นผักชีไว้กันฝนกระแทก และแสงแดดที่มากเกินไป

การใส่ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยยูเรีย ใส่เมื่อผักชีอายุได้ 20 วัน ใส่แล้วผักชีงาม แต่ข้อเสียคือผักชีใบจะเปราะหักง่าย ยามบรรจุภัณฑ์สินค้าและขนส่งใบจะหักเยอะมาก ต้องเด็ดทิ้ง ทำให้น้ำหนักหายไปด้วย

การรดด้วยยูเรีย หากใบผักชีไหม้ควรผสมน้ำเพิ่มขึ้น(เจือจาง)

การรดน้ำผักชีควรรดน้ำตอนเช้าเพื่อล้างน้ำค้างออกจากใบ ไม่งั้นใบจะด่างไม่สวย ราคาซื้อขายจะตกโดนแม่ค้าตำหนิ

โรค
-โรคทางราก หากติดเชื้อต้นจะเริ่มยุบเหี่ยว
-โรคใบไหม้ รักษาด้วยสารมาเน็บ
-โรคเน่าที่ใบและโค่นเน่า ส่วนใหญ่เกิดในฤดูฝน จากแรงฝนตกกระแทกเป็นเวลาหลายวัน วิธีแก้ด้วยสารแมนโคเซบ

ราคา
ราคาต่ำ 15-20 ต่อกิโลกรัม ช่วงฤดูหนาวเดือนมกราคม
ราคาแพง 100-250 ต่อกิโลกรัม

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

มะม่วง

มะม่วง

สายพันธุ์มะม่วง
-มะม่วงแก้ว
-มะม่วงอีทูอาร์ทู
-มะม่วงน้ำดอกไม้
-มะม่วงอกร่อง
-มะม่วงเขียวเสวย
-แก้วเกษตร หรือ แก้วขมิ้น หรือแก้วเขมร 1 ปี ออกลูก 2 ครั้ง เมล้ดเล็กและบางมาก 1 ลูกหนัก 4-5 ขีด เนื้อมีสีเหลือง

การปลูก
การเพาะเมล็ด  
1.ใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งตัดเปลือกที่หุ้มเมล็ดออก จะได้เมล็ดที่ไม่มีเปลือก
2. จัดเตรียมแปลงเพาะ ใช้ดินผสมกับแกลบดำ ดินจะร่วนซุยขึ้น
3. นำเมล็ดที่เตรียมไว้เพาะในแปลงโดยเอาส่วนที่โค้งมากขึ้นด้านบน กลบดินพอท่วมหลังเมล็ด
4. รดน้ำจนต้นกล้ามีใบจริง 3-5 ใบ ถอนแยกออกลงถุงดำ (ใช้ดินกับแกลบดำผสมกัน1/1) ระวังรากแก้วขาด หากขาดอย่าให้ขาดชิดโค่นต้น  ตัดใบออกครึ่งใบทุกใบยกเว้นยอด เพื่อลดการคายน้ำ เลี้ยงจนต่อมีขนาดที่ต้องการ

การแต่งกิ่งมะม่วง
การตัดแต่งกิ่งมะม่วงทำหลังจากเก็บผลผลิตหมดแล้ว โดนตัดแต่งกิ่งกระโดงออก (บริเวณกลางทรงพุ่ม) เพื่อให้แสงสาดเข้าไปกลางทรงพุ่มได้ และการตัดกิ่งอีกแบบคือ การตัดกิ่งแขนงออกโดยตัดกิ่งด้านข้างออกเพราะการรับน้ำหนักผลไม้จะไม่ดี ทำให้ทรงพุ่มทึบไม่โปร่งแสง เหลือไว้แต่เพียงกิ่งหลักเพราะการส่งอาหารและรับน้ำหนักดี

การขยายพันธุ์
โดยเมล็ด
การทำต้นตอมะม่วง



การติดลูกมะม่วง
แปรโดยตรงจากสภาพอากาศและ ความชื้น

การห่อมะม่วงกันแมลง
ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วให้ที่เย็บกระดาษยึด แล้วห่อด้วยถุงก็อบแก๊บ 6*14 มัดแล้วพันให้แน่นให้ถุงพันรอบขั้ว แมลงจะไม่สามารถไต่ลงไปเจาะมะม่วงได้ วิธีนี้ใช้ได้กับกระท้อนและฝรั่งด้วย สุดท้ายเจาะรูเล็กๆไว้ระบายน้ำด้วย

การเก็บเกี่ยว
-เมื่อมะม่วงผลแก่ ผลอวบ นูน สีนวล ก้นเหลือง ลูกที่แก่น้ำหนักจะมากกว่าลูกอ่อนเมื่อมีขนาดเท่ากัน
และสังเกตยางที่ขั้วจะเป็นสีใส หรือบางท่านอาจจะสังเกตก้านเล็กๆเหนือผลมะม่วงหากสุกได้ที่ ก้านจะแห้งและเปราะ

-มะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้เมื่อลูกแก่จะมีสีนวลมองดูคล้ายมีแป้งมาทาไว้ ก้นจะเริ่มเหลืองก่อน จึงจะเก็บเอามาบ่มโดยเอาด้านขั้วมะม่วงวางคว่ำลงซึ่งเมื่อสุกจะพร้อมกันทั้งลูก

โรคและปัญหา
-เพลี้ยไฟ ตัวออกเขียวเหลือง ใส ตัวขนาดเล็ก มองแทบไม่เห็น ตาดอก ตาใบ มียางสีขาวๆซึมออกมาเป็นหยดเนื่องมาจากมีบาดแผลโดยแมลงปากกัด ทำให้เกิดบาดแผลได้ หากต้นมะม่วงมียอดอ่อนควรใช้ยาป้องกันและกำจัด

-โรคผลแตก สาเหตุเกิดจากต้นพืชว่างเว้นจากการได้รับน้ำมานาน เมื่อได้รับน้ำในปริมาณมากเกิน เกิดการขยายตัวของผนังเซลล์อย่างรวดเร็วจึงทำให้ผลแตก หรืออีกเหตุผลหนึ่งคือเข้าหน้าฝนพอดีต้นมะม่วงได้รับธาตุ N จากน้ำฝนมากเกินไปเนื่องจากธาตุไนโตรเจนทำให้เกิดเซลล์แบ่งตัวทำให้ผิวมะม่วงแตก  ลักษณะนี้ยังจะทำให้เกิดโรคซ้ำซ้อนเช่น โรคผลเน่า วิธีการป้องกันและแก้ไขคือการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำและหลีกเลี่ยงการให้น้ำเกินความจำเป็นแก่พืช

ข้าวโพด

ข้าวโพด
ข้าวโพดมีทั้งฝักเดี่ยวและฝักคู่  ข้าวโพดไม่ชอบที่ชุ่มน้ำแต่ต้องการน้ำ
ใช้เวลา 75 วันจึงเก็บเกี่ยวข้าวโพดได้

การเตรียมดิน
-การเตรียมดินมีความสำคัญมาก เพราะการเตรียมดินไม่ดีจะทำให้ต้นข้าวโพดมีขนาดไม่เท่ากัน
-เตรียมดินโดยการหว่านด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยขี้ไก่ เพิ่มอินทรียวัตถุ โดยใช้ปริมาณ 1 ตันต่อไร่
-เมื่อต้นข้าวโพดเข้าสู่ช่วงระยะออกดอก จะปล่อยให้ขาดน้ำไม่ได้ เพราะการขาดน้ำช่วงนี้มีผลให้การผสมเกสรไม่สมบูรณ์ การติดเมล็ดไม่เต็มฟัก


การปลูก
-เมล็ดพันธุ์ที่นำมาปลูกต้องมีคุณภาพ
-พื้นที่ปลูกไม่มีน้ำท่วมขัง และไม่ควรกลบหน้าดินเมล็ดข้าวโพดมากเพราะหากเมื่อแดดแรง ความชื้นไม่พอโอกาสที่เมล็ดจะพองแฟ่บและข้าวโพดขึ้นมีน้อยลง
-การปลูกข้าวโพด 7 วันแรกที่ปลูกต้องให้ความชุ่มชื้นตลอดเวลา หากหน้าดินแห้งจะไม่สามารถปลูกขึ้นได้

-การปลูกข้าวโพดแบบไร่ซึ่งจำนวนไร่มาก โดยเน้นเพื่อการค้า จึงจำเป็นต้องศึกษาระบบการให้น้ำ เนื่องจากข้าวโพดเป็นพืชที่ต้องให้น้ำเยอะโดยเฉพาะตอนเริ่มปลูก และเมื่อช่วงออกดอก


การปรับปรุงดิน
ปอเทือง หรือ ถั่วพร้า ถั่วเขียว ปลูกแล้วไถกลบ 5 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ดินมีความร่วนซุยมากที่สุด หลังจากนั้นทำการตีดินเพื่อบดซากวัชพืชไปในตัว

ดินที่ปลูกต้องไม่ใช่ที่แฉะและน้ำขัง การไถ่พื้นที่ปลูกถึงเรียบเสมอกันแม้เป็นที่ดอน หากปรับดินไม่เรียบหลายจุดจะมีน้แอ่งน้ำขัง หากข้าวโพดไม่ตาย ก็ต้องแคระแกรนหรือไม่โต

การเลือกพันธุ์
สภาพดินฟ้าอากาศ ดิน และฝนจะเป็นตัวกำหนดพันธุ์ที่ใช้ปลูก แต่ละสายพันธุ์มีความเหมาะสมในการปลูกไม่เหมือนกัน หากปลูกโดยอาศัยน้ำฝน ความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ไม่ดีนักหรือเป็นที่ราบเชิงเขา ควรเลือกใช้พันธุ์ที่อายุเก็บเกี่ยวสั้น ทนแล้งได้ดี ปลูกกับปัจจัยฝักหักง่าย สีสวยสด ในเรื่องของสีจะเป็นตัวกำหนดราคารับซื้อ ซึ่งสีสดจะได้ราคาดีกว่า



สายพันธุ์
-ไฮปริกซ์ 3
-แฟนซีสวีท



การปลูก
ขั้นแรกเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ไม่เก่า หรือหมดอายุ เพราะจะงอกน้อยหรือไม่งอกเลย เลือกดูสภาพอากาศว่าฝนจะตกหรือไม่ หรือเมื่อปลูกแล้วฝนจะตกอีกครั้งไหม  ช่วงที่ปลูกข้าวโพดต้องดูแลเรื่องน้ำ ถ้าฝนทิ้งช่วงเดือนไหนผลผลิตจะได้ไม่เต็มที่ เมล็ดไม่ค่อยติดฝัก ข้าวโพดไม่โต แคระแกรน ดังนั้นควรเตรียมแหล่งน้ำไว้แต่เนินๆ

การปลูกในหน้าฝนควรระวังเช่นกัน ในช่วงที่ปลูก 4-5 วันแรก หากมีฝนตกเกือบตลอดทั้งวัน ตกไม่หยุดเลยจะทำให้ข้าวโพดที่งอกออกมามีสีเหลือง ไม่เขียวสดเข้มทั้งๆที่ได้รับน้ำเต็มที่แล้วเหตุเพราะไม่มีแดดช่วยสังเคราะห์แสงจึงทำให้ใบมีสีเหลือง และบางหลุมมีเมล็ดพันธุ์ไหลไปกับสายฝนจึงต้องมาปลูกซ่อมใหม่เสียเวลาและเงิน ก่อนปลูกควรศึกษาสภาพอากาศให้ดีก่อน

เมื่อปลูกควรฉีดยาคุมหญ้า จำพวกยาไกลโฟเซต เป็นยาฆ่าหญ้าชนิดดูดซึม เมื่อยาโดนส่วนหนึ่งส่วนใดของหญ้าตัวยาจะกระจายไปยังทุกส่วนของหญ้า หญ้าจะไม่เจริญเติบโตสังเกตตรงยอดของหญ้า

การปลูกข้าวโพดห้ามให้ข้าวโพดขาดน้ำ หากขาดน้ำใบจะเริ่มแหลม ห่อตัวเหมือนใบม้วน เมื่อทำให้ดินชุ่มชื้นใบจะเริ่มคลายตัวเป็นปกติ

การให้ธาตุอาหารแก่พืช
ปุ๋ยอินทรีย์ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 1 กระสอบและปุ๋ยเคมี 1 กระสอบ ผสมให้เข้ากันปิดปากถุงทิ้งไว้ 1-2 วันแล้วนำมาใช้ การหมักทิ้งปุ๋ยอินทรีย์จะดูดไนโตรเจนเข้าไปในเม็ดปุ๋ยแล้วค่อยๆบ่อยออกมาเพื่อให้พืชค่อยๆดูดซึมนำไปใช้และพืชได้บำรุงดินไปในตัว หากให้แต่ปุ๋ยยูเรียเพียงอย่างเดียวพืชดูดซึมเอาไปใช้ไม่ทันจะระเหยหมด

ระบบราก
รากข้าวโพดมี 3 ชั้น รากแรกคือรากที่อยู่ในชั้นดินซึ่งจะมองไม่เห็น รากที่่สองอยู่เหนือผิวดิน ตอนข้าวโพดกำลังจะออกดอกหรือออกดอกบ้างแล้ว รากชั้นที่สามงอกตัวข้าวโพดออกฝักได้ 5-10 วัน

เตรียมอุปกรณ์
เมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ 1 โลประมาณ 1000 เม็ด  , ค่าปุ๋ย, ค่ายา ต้องซื้อทุกปี
มอเตอร์ 3 แรงและ สายยาง


การเก็บเกี่ยว
การขายข้าวโพดมี 3 แบบเท่าที่เห็นคือ
ขายแบบทั้งฝัก
ขายแบบฝักสด ปลอกเปลือกแล้ว
ขายแบบกะเทาะเมล็ดออกหรือเรียกว่า สีเมล็ดแล้ว ซึ่งราคาจะดีที่สุด แล้วขายแยกราคาเมล็ดกับราคาแกนฝัก แกนฝักก็ไม่เหลือทิ้งนำไปทำเป็นเชื้อเพลิงต่อได้
จ้างแรงงานหักฟักข้าวโพด กระสอบป่านละ 45-50 บาท วิธีนี้แรงงานจะไม่อู้งาน หักข้าวโพดได้เยอะ

หากข้าวโพดปลูกที่บนดอย เวลาเก็บเกี่ยวจะใช้คนหักข้าวโพดเอาใส่ถุงปุ๋ยไว้

หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพดแล้ว เกษตรกรนิยมปลูกถั่วเขียว


แรงงาน แรงเงิน
ไกผาล 7
ปั่นตีดิน
รถหยอด รถแทงร่อง หลังจากนั้นใช้แรงงานคนปลูก
เมล็ดพันธุ์ใช้ไร่ละประมาณ 4 กิโลกรัม
ปุ๋ยรองพื้น
ปุ๋ยแต่งหน้า
น้ำมันสูบน้ำเครื่องยนต์ดีเซล ค่าน้ำมันตกไร่ละ 60-70 บาทต่อไร่ น้ำมันดีเซลลิตรละ 30.30
ยาพาราคอตตอนทำรุ่น


โรคและวัชพืช
เชื้อราที่รากเมื่อข้าวโพดเริ่มโตและเริ่มมีฝักแล้ว ต้นข้าวโพดล้มง่ายทั้งๆที่ต้นยังเขียวสดอยู่
หญ้าคาและเถาวัลย์พันต้นข้าวโพด ใช้กรัมม็อกโซนฆ่าระวังอย่าให้โดนยอดข้าวโพด

โรคแผลใบไหม้ เริ่มเกิดจากใบด้านล่างขึ้นใบบน ลักษณะเป็นจุด หนึ่งต้น 20-50 จุดได้ ส่วนใหญ่เป็นเฉพาะบริเวณน้ำขัง

ต้นเฟื่องฟ้า

เฟื่องฟ้า








เร่งการออกดอกเฟื่องฟ้า
เฟื่องฟ้าจัดอยู่ในประเภทไม้ประเภท บอนไซ และไม้เลี้ยงสวยงาม จึงเหมาะกับการเลี้ยงลงกระถาง และจัดกระถางในที่กลางแดด วิธีการให้เฟื่องฟ้าออกดอก งดการให้น้ำ 7 วันและให้น้ำใหม่ เฟื่องฟ้าจะแตกใบใหม่พร้อมออกดอก

หรือการจะให้เฟื่องฟ้าออกดอก เน้นที่การตัดกิ่งเฟื่องฟ้า การตัดกิ่งเฟื่องฟ้าเพื่อให้เร่งการออกดอกควรตัดที่ปลายกิ่งพอเล็มๆ หากตัดเล็กจนเกินไป จะเหลือแต่กิ่งกระโดงซึ่งเฟื่องฟ้าไม่ติดดอก

โดยปรกติรดน้ำเพียงวัน 1 ครั้ง พึงอย่าลดให้แฉะเกินไปและเน้นที่การระบายน้ำของกระถางให้ดี สาเหตุเพราะเฟื่องฟ้าไม่ชอบสภาพพื้นที่แฉะ

การเตรียมดิน เน้นที่ดินต้องระบายน้ำได้ดี จึงต้องใช้กาบมะพร้าวสับเข้าช่วย ผสมกับดิน แกลบ ปุ๋ยคอก จากนั้นนำกิ่งปักชำเฟื่องฟ้าพร้อมรากงอกลงปลูก








การกำจัดมดในกระถางเฟื่องฟ้า
-น้ำผงซักฟอกซักผ้าแล้วรด
-พริก ขิง ข่า ละลายน้ำรด
-เปลือกไข่ไก่เผา เผาพอให้เปลี่ยนจากสีเดิม บดเป็นผงโรยบริเวณที่มีมด
- เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวด ผสมกับยางกล้วยปริมาณเล็กน้อย เชกส์ให้เข้ากัน ผสมน้ำ 20 ลิตร รดบริเวณที่มีมดหรือโคนต้น
-หากกระถางวางใกล้บริเวณบ้าน เลือกใช้ตะไคร้หอม มีกลิ่นหอมไม่รบกวนผู้อาสัยในบ้าน
-น้ำส้มควันไม้ผสมสารที่ทำให้เกิดฟอง ฉีดบริเวณโค่นต้นหรือบริเวณที่มดอยู่
-การรดน้ำ บ่อยๆ เป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดสุด

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผักกูด

ผักกูด
เป็นผักพื้นบ้าน นับเป็นสินค้าขายดีตลอดกาลอีกชนิดนึง ในหน้าแล้งจะขายได้ราคาสูง ต้นมีลักษณะคล้ายเฟิร์น จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับเฟิร์น เป็นผักที่ไม่มีกลิ่นฉุน การบริโภคผักกูดจะใช้ยอดผักกูดมารับประทานอาหาร ซึ่งแตกกิ่งก้านออกมาจากกอ (แตกต่างจากเฟิร์นที่ใบขึ้นมาจากเง่า)

ในธรรมชาติผักกูดพบอยู่ริมน้ำ แม่น้ำ เท่านั้น เป็นพืชที่ต้องการความชื้นในการเจริญเติบโต จึงไม่พบผักกูดในสภาพดินทุกทีจึงไม่เป็นที่รู้จัก ซ้ำยังเข้าใจผิดว่าผักกูดคือเฟิร์น แต่แท้จริงแล้วผักกูดคือเฟิร์นชนิดหนึงที่สามารถรับประทานได้

ในทางการค้าขายนั้นแม้ผักกูดจะไม่เป็นที่โด่งดังและรู้จักของบุคคลทั่วไปมาก แต่เป็นผักที่สามารถสร้างรายได้ได้ทั้งปี ผักกูดเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าฝนเก็บผักกูดได้มาก จะเก็บได้น้อยก็แต่หน้าหนาว

ใบผักกูดนั้นมีลักษณะม้วนงอ ตามเข็มนาฬิกา ใบเขียวสดและพบใบสปอร์ด้วยคล้ายเฟิร์น



การปลูก
เป็นพืชที่ปลูกง่าย หลับตาปลูกยังได้ ปลูกเพียงครั้งเดียวจะเก็บเกี่ยวได้ตลอด
การปลูกผักกูดจะปลูกบริเวณพื้นที่ที่มีน้ำขัง ปลูกเป็นแถวๆ ดูแลด้วยการใส่ปุ๋ยขี้ไก่

การปลุกผักกูดเพียงได้กอมาสัก 10 กอ ก็สามารถปลูกได้แล้ว ควรปลูกในที่มีความชื้นหากปลูกบนดินเช่น ในสวนผลไม้ สวนผสม ไม้ใหญ่ให้ร่ม  พอให้แสงสาดส่องบ้าง และดินควรมีสภาพอินทรียภาพสูงหรือดินร่วนปนทรายก็ได้ เช่น ใบไม้ใบหญ้า ปุ๋ยคอก

เมื่อได้กอผักกูดมาแล้ว ก็จัดการตัดใบทิ้งสะเพื่อลดการคายน้ำ หากปล่อยทิ้งไว้ใบจะแห้งเหี่ยวและตายได้เนื่องจากสภาพต้นไม่สามารถทนต่ออัตราการระเหยของต้นได้ จากนั้นจัดการเอาลงหลุมสะ กดดินให้แน่น

การใส่ปุ๋ย เลือกใช้ปุ๋ยคอก น้ำจุลินทรีย์หมักเพื่อป้องกันดินเสื่อมสภาพ(ระยะการหมักปุ๋ย 3 เดือน) การใส่ปุ๋ยควรใส่ลงตรงยอด แล้วรดน้ำตามโดยเร็วไม่เช่นนั้นใบผักกูดจะไหม้จากความเค็มปุ๋ย

ผักกูดไม่จำเป็นต้องฉีดยาหรือใส่ปุ๋ยเคมีเลย ปลอดภัยและลดต้นทุนไปในตัว

การเก็บเกี่ยว
ผักกูดเก็บเกี่ยวนำเฉพาะส่วนยอดมารับประทาน เก็บเฉพาะยอดที่หน้างอเท่านั้น มีลักษณะม้วน ใบอ่อนๆ ใบเปราะ กรอบ

ฤดูหนาวผักกูดไม่ค่อยแตกยอด จึงมีเทคนิคการเก็บยอดคือไล่น้ำค้างที่เกาะใบลงทั้งหมด ยอดก็จะพอแตกได้แต่ไม่มาก

ขยายพันธุ์
ผักกูดขยายพันธุ์โดยการใช้หน่อหรือกอ


คุณค่าทางอาหาร
เบต้า-เแคโรทีน เหล็ก วิธีการหารับประทานก็ง่ายๆ แกงส้มผักกูด ผักกูดจิ้มน้ำพริก อาหารประเภทผัด ใบผักกรอบ เปราะ อร่อยเหาะมาก หากคุณไม่มีเวลาเพียงก็นำไปต้มทานน้ำผักกูดก็ได้ ช่วยแก้อาการไข บำรุงสายตา ขับปัสสาวะ ลดคอเลสเตอรอล

แต่หากทานผักกูดที่ขึ้นตามธรรมชาติผักกูดค่อนข้างเป็นเมือก


แหล่งพันธุ์พืช
-โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  จ.นครนายก
-ทองผาภูมิ แถวหินดาด จังหวัดกาญจนบุรี
-แถวห้วยลิ่นถิ่น จังหวัดกาญจนบุรี 


Reference: พ่อใหญ่

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปุ๋ยเขียว บำรุงดิน เพิ่มผลผลิตข้าว

ปุ๋ยในการบำรุงดิน นาข้าว
1. ปุ๋ยขี้ไก่ หากหาปุ๋ยไก่พันธุ์ไก่ไข่และเปลือกไข่ได้ยิ่งเป็นประโยชน์ ใส่ไร่ละ 50 กิโลกรัม  หากใส่เกินดินอาจจะเค็มได้ (ควรตรวจสอบคุุณภาพ เช็คประวัติ ขี้ไก่ด้วยว่า ล้างเล้าด้วยโซดาไฟหรือไม่ เพราะโซดาไฟทำให้ต้นไม้ตาย  หากมีเวลาควรดูโรงงานผลิตด้วยเพราะบางที่เอาเศษขี้ไก้ธรรมดามาอัดเม็ดแล้วก็ฉีดปุ๋ยน้ำใส่เข้าไป)

2. ขี้วัวแห้ง มีธาตุไนโตรเจนสูง ขี้วัวผสมเศษไม้ใบหญ้า ไถกลบตอซังข้าว เพื่อเพิ่มปุ๋ยในนาข้าว จากนั้นเสริมด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี นทุนการผลสังเกตผลผลิตที่ได้ ในปีต่อๆไปลองลดปุ๋ยเคมีลงเพื่อลดต้นทุนการผลิต    การใส่ขี้วัวนั้นมีข้อเสียคือเมื่อหว่านนาข้าวหญ้าจะขึ้นตอนข้าวเริ่มโต

ขึ้วัวจะมีเมล็ดพืชและตัวอ่อนแมลงกำจัดโดบการหมักชีวภาพเพื่อให้เกิดความร้อนทำลายเมล็ดวัชพืช

3. ปลูกปอเทืองลงนาข้าวเพื่อเพิ่มธาตุไนโตรเจน ให้ข้าวใบเขียวสวย ตั้งตรง หากไม่มีปอเทือง ปลูกพืชอย่างอื่นเสริมก็ได้ธาตุไนโตรเจนเหมือนกัน เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วพร้า หรือแหนแดงเมื่อเริ่มปลูกข้าว ติดต่อขอพันธุ์ได้ที่รัฐ หมอดินประจำตำบล

4.การใช้มูลสุกรในนาข้าว มูลสุกรมีกลิ่นแรงและเน่าเสีย โรยด้วยแกลบข้าว กวาดไว้แล้วนำไปตากแห้ง เก็บใส่กระสอบไว้ใช้โรยในนาข้าวก่อนการไถนา หรือบรรจุใส่กระสอบเพื่อการค้า  อีกหนึ่งวิธีคือ น้ำล้างมูลสุกรซึ่งถูกเก็บในบ่อพักซึ่งมันเป็นน้ำเสีย มีกลิ่นเหม็น เชื้อโรคเยอะ จึงต้องเติมจุลินทรีย์ และ อาหารจุลินทรีย์ เพื่อย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำขี้หมู หรือใช้วิธีของสำนักงานพัฒนาที่ดินด้วยสูตร พด.6 วึ่งจะแจกฟรี เพียงยื่นบัตรประชาชน กรอกแบบฟอร์มชื่อที่อยู่ให้ชัดเจน

5. ฟางข้าว การไถกลบตอซังข้าว ด้วยการไถตอซังข้าวสดๆ ได้ผลดีมาก ความชื้นในดินเยอะมาก ยามต้นข้าวขาดน้ำในดินยังมีความชื้นอยู่ ข้าวยังคงความเขียวได้นานขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิธีการหมักฟางแห้งโดยปล่อยฟางข้าวไว้เฉยๆแล้วปั่นหรือย่ำฟาง หลังจากนั้นปลูกพืชคลุมดินเช่นถั่วหรือปอเทืองเพื่อเพิ่มธาตุอาหารดินก่อนปลูกข้าวในฤดูถัดไป

6. กาบมะพร้าว ปรับปรุงดินเฉพาะผิวดินลึกลง 30 เซนติเมตร รากพืชในระยะนี้เช่น พืชผัก ใช้ประโยชน์จากอินทรีย์วัตถุ หากถ้าดินเป็นกรดใส่เศษถ่านเผา ลดความเป็นกรด เศษถ่านเผามีฤทธิ์เป็นด่าง
หากดินเป็นดินเหนียวแข็งใส่แกลบสดและแกลบดำ และปุ๋ยคอกจะทำให้ดินร่วนซุยขึ้นและต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร หากต้องการความรวดเร็วหาดินที่ร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุมาเพิ่มลงแปลงปลูกดินมีความพรุนตัวมากขึ้น อากาศในดินมากขึ้นต้นไม้จะไม่เครียด

แต่อันที่จริงประโยชน์ของดินเหนียวก็มีอีกเช่นกัน  ดินเหนียวเก็บน้ำได้นาน โดยการคลุมฟางและโรยแกลบ สามารถทำให้ดินชุ่มตลอดเดือน (หากสามารถให้น้ำได้ ควรรดน้ำทุกวันดินจะร่วมซุยยิ่งขึ้น

ตัวช่วยให้ดินร่วนซุยอีกชนิดหนึงคือ ไส้เดือน แมลง จุลินทรีย์ กลไกของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทำให้ดินแข็งเป็นดินร่วนซุยขึ้น  มีความอุดมสมบูรณ์ ร่วนซุยขึ้น ระบายน้ำได้ดี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวต้องใช้เวลาพอสมควร

7. ปุ๋ยหมักผักตบชวา  ผักตบชวาเป็นวัสดุใกล้ตัวและเหลือใช้ทางการเกษตรและมีปริมาณจำนวนมาก สามารถนำมาทำปุ๋ยหมักโดยใช้สูตรปุ๋ยหมัก พด.1  พด.2  พด.3  ของกรมพัฒนาที่ดิน การทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวานั้นเหมาะสำหรับการนำไปใช้ ในจำนวนไร่ที่น้อย หากคำนึงถึงขั้นตอน แรงงาน ค่าใช้จ่าย

ผู้ที่มีจำนวนไร่เยอะแต่ไม่มีแรงงาน หรือค่าใช้จ่ายพอ การใช้ประโยชน์จากผักตบชวาจึงเหมาะกับวิธีการไถ่กลบมากกว่า  หากทำการเกษตรบนเนื้อที่ 10 ไร่ การไถ่กลบผักตบชวาเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ข้อเสียมีดังนี้ ผักตบชวาย่อยสลายค่อนข้างยากเปื่อยและย่อยสลายให้ทันภายใน 1-2 สัปดาห์ไม่ทัน

ธาตุอาหารที่จะได้จากผักตบชวา ผักตบชวาเป็นพืชเจริญในน้ำจึงดูดและลำเลียงธาตุอาหารทางน้ำ หากเป็นน้ำที่ปบเปื้อนสารพิษมากๆ ผักตบชวาก็จะดูดมาเก็บไว้ในต้น เป็นการบำบัดชีววิธีอย่างหนึง การนำผักตบชวาไปใช้ประโยชน์จึงได้ธาตุอาหารจำนวนมากตามไปด้วย

8.ขี้เลื่อยไม้ นำไปทำปุ๋ยหมักโดยโรยลงไปบนคอกวัวเพื่อดับกลิ่นและให้วัวย่ำเพื่อเพิ่มอากาศในกองปุ๋ย ประมาณครึ่งปีจะกลายเป็นปุ๋ยในที่สุด นับว่านานพอสมควร

9. แหนแดง นำไปหมักเป็นปุ๋ยพืชสดโดยหมักกับอินทรีวัตถุอื่นๆหรือฟางข้าว หรือสิ่งของใกล้ตัวอื่นๆ จะได้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนและฟอสฟอรัสสูงกว่าปุ๋ยพืชสดชนิดอื่นๆ

10. วัสดุที่ได้จากไบโอแก๊ส ที่ผ่านการหมักและย่อยสลายมาแล้ว มีความเข้มข้นสูง ก่อนนำไปใช้บำรุงพืชต้องผสมดินก่อนนำไปใช้รากพืชจึงจะปลอดภัย

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การไล่นก หนู ที่มาจิก(กิน)ข้าว

การไล่นกที่มาจิกข้าว
ชนิดนกที่เข้ามาจิกกินข้าวเช่น นกกระจาบทุ่ง

1.นำตาข่าย ขึงด้านที่นกมาบ่อยๆ นกติดตาข่ายทันที

วิธีที่สอง
ตั้งเสาไม้หลายๆเสา ขึงเชือกเส้นเล็กๆไปมากับเสา สูงพอที่จะเอื้อมมือไปถึง นำแผ่นซีดีเก่าไปผูกแขวนให้ทั่วบริเวณ

วิธีที่สาม  ใช้ประทัด ขนาดเสียงดังมาก นกจะตื่นกลัวหนีไป

วิธีที่สี่ หุ่นไล่กา ตีปี๊ปไล่

วิธีที่ห้า ขึงเชือก  หรือ สายของม้วนเทปเก่า    ขึงกลับไปกลับมาซิกแซ๊ก  ไม่ต้องเอาอะไรห้อย ขึงถี่ๆหน่อย นกมันจะบินชน แล้วจะไม่กล้าลงมาอีกเพราะกลัวชน    วิธีนี้บ่อปลา บ่อกุ้งทำกันเยอะ

วิธีที่หกเป็นวิธีชาวนาอินโดนีเซีย เค้าเอาพวกริบบิ้นที่มันสะท้อนแสงได้มาขึงระหว่างนา แต่ก่อนจะขึงเนี่ยจับริบบิ้นให้ม้วนเป็นเกลียว ๆ หน่อย แล้วขึงไว้หย่อน ๆ เวลามีลมพัด ริบบิ้นที่ม้วนเป็นเกลียวก็จะบิดไปบิดมาสะท้อนแสงได้ เค้าว่านกเห็นแล้วจะไม่กล้าลงมากินข้าว แต่ได้ผลขนาดไหนต้องลองเอามาใช้ดูครับ ไม่รู้ว่านกที่ไทยกับนกที่อินโดนีเซียจะกลัวเหมือนกันรึเปล่า

วิธีที่เจ็ด การทำปืนใหญ่ไล่นก เสียงดังมาก ประมาณ 100 เมตรครับ นกหนีนะ ถ้ามันคุ้นแล้วมันก็มาใหม่อยู่ดี ก็จุดอีก แต่เราอยู่ในร่มทำได้ (นั่งพัก แล้วไล่ไปด้วย มันส์ไปด้วย) เผื่อจะเป็นความรู้เอาไปใช้ แถวบ้านผมใช้กัน เวลาไปทุ่งแบกปืนใหญ่ไปด้วยเท่ไม่เบา
เจอกับคนแบกปืนใหญ่ไปตอนเช้า ก็ไปลองเสียงกันหน่อย บางคนเตรียมมา 2-3 กระบอก ตั้งไว้เป็นจุดๆ ขี้เกียจพกพา ก็เอาแต่หินแก๊สติดตัว และหิ้วน้ำไปกระป๋องนึง

อุปกรณ์มีดังนี้ครับ
1 ชุดมี

ไม้ไผ่ (ไม้สีสุกครับ หนาดี ไม่แตกเวลาจุดระเบิด) ไม้แก่นะครับ แต่ไม่ต้องถึงกับเหลือง เดี๋ยวเจาะรูไม่เข้า
กระป๋องน้ำ
หินแกสครับ (สีออกขาวๆ อาจเรียกไม่เหมือนกันแต่ละพื้นที่ หินนี้เวลาโดนน้ำ มันจะเดือด และมีแก๊สครับ และเหม็นมาก)
ไฟแช็คครับ

1 เอาไม้ไผ่ ต้องไผ่สีสุกนะครับ ยิ่งลำใหญ่เสียงจะดังมาก แข็งและหนา ตัดความยาวประมาณ 3 ลำครับ  เจาะตาปล้องให้ทะลุถึงกัน
   เหลือตาปล้องล่างสุดนะครับ แล้ว กะประมาณ 1 ฝ่ามือเจาะรูเข้าไป เท่านิ้วชี้  แค่นี้ก็ได้กระบอกปืนใหญ่แล้วครับ
2 ตักน้ำใส่กระป๋องไว้ ใกล้ๆ
3 ตั้งกระบอกเฉียงๆ ประมาณ 60 องศา หันปากไปที่นกมันลง  เอาด้านที่เราเจาะ 1 นิ้วขึ้นบนนะ
3 เอาหินแก๊ส ใส่ลงไป ประมาณก้อน เท่าหัวนิ้วโป้ง แล้ว วักน้ำตามเข้าไป ประมาณ 1 ชิ้นโต๊ะ พอให้หินเปียก กะประมาณเอานะถ้า
   น้ำเยอะมันจะไม่ดัง  
4 สังเกตุตรงรูที่เราเจาะเท่ากับ นิ้วชี้ ถ้ามีควันออกให้ เอาไฟแช็ค จุดตรงปากรูเลยครับ ตูม!!!! สนั่น

** หินก้อนเท่านิ้วโป้งจะยิงได้ประมาณ 3-5 ครั้ง ครับ หินแก๊ส ซื้อถุงละ 20 บาทใช้ได้ 2-5 วันแล้วแต่เราอยากยิงเพื่อความมันส์
    คำเตือน อย่าใส่หินแก๊สเยอะเกินไปนะครับ ปืนใหญ่ท่านอาจแตกได้
  
ยิงแต่ละครั้งนกกระเจิงเลย  ไม่เป็นอันตรายกับคนที่อยู่ใกล้ และมือที่ไปจุดใกล้ๆครับ  ถ้าให้ดี หาอะไรยัดหูไว้ด้วย ไม่ปิดหูนี่ วิ้งๆๆๆๆ เลยหล่ะ
ไปไล่นกกับพื้นที่ใกล้ๆกัน ยิงกันสนั่นเลย ตูมๆๆ ไม่ได้รบกันเหมือนชายแดนนะ 555 เรายิงตรงนี้ มันไปลงที่ของอีกคน อีกคนยิง มันส์ดีครับ มีแข่งเสียงกันด้วยนะ ใครฝีมือทำกระบอกปืนใหญ่ดีก็เสียงดังหน่อย บางทีคลานๆ ไปใกล้นกแล้วยิงใส่มันสะใจดี วิธีการนี้แค่ไล่นกนะไม่ได้ทำให้มันตาย ยกเว้นมันเอามือปิดหูแล้วร่วงลงมาตายครับ 5555 (อ้างอิง: durmuj)



วิธีที่แปด การไล่ด้วยลูกโว๊ด
อุปกรณ์ง่ายๆ มีดังนี้ 
     1 ดินเหนียว นวดเยอะๆ ให้มันเหนียวๆเลย
     2 ต้นข้าว เลือกปล้องใหญ่ๆ หน่อย
     3 ไม้ไผ่ ประมาณ นิ้วก้อย ผ่า 4 ส่วน ใช้ทำได้ 4 อัน  ยาวประมาณ 1 เมตร 

วิธีทำ ปั้นดินเหนียว ทรงกระบอก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-3 นิ้ว ยาวประมาณ 4 นิ้ว (ก้อนเล็กๆ) แล้วเอาปล้องข้าว ตัด ยาวประมาณ 5 นิ้ว และ ตัดสั้นลงมา ห่างกันประมาณ 1 ซม ติดให้รอบดินเลยครับ (ลักษณะคล้ายๆกับแคนอีกสานที่กลมๆน่ะครับ) แล้วเอา ไม้ไผ่(หาง)ติดไว้ด้วย แล้วเอาดินเหนียวหุ้มอีกทีหนาประมาณ 1 ซม หาเชือกเส้นเล็กๆ มัดก็ดีครับกันดินหลุดเวลาโยน อย่าให้ดินปิดรูปล้องข้าว นะ ทีนี้เอาไปตากพอให้หมาด ทำไว้หลายๆอันก็ดีครับ 
      จากนั้นเมื่อจะใช้ เห็นนกมันลงแล้ว ก็ให้ จับที่หาง ลูกโว๊ด แล้วควงเบาๆ เป็นวงกลมขึ้นลง ได้จังหวะ แล้วโยนไปตรงที่นกมันลง แล้วมันจะมีเสียงครับ จะดัง โว๊ดๆๆๆๆๆๆ ยาวๆ คล้ายเสียงรถไฟ ดังๆ(เสียงนี้เกิดจากลมผ่าน ปล้องข้าวน่ะแหละครับ )แล้วไปตกกลางกลุ่มนก นกก็จะบินหนีไป คนเก่งๆ โยนไกลเป็นร้อยเมตรเลยครับ ผมโยนทีไร ไม่ถึง 50 เมตรซะที  (อ้างอิง: durmuj)


วิธีที่เก้า กระป๋องไล่นก
เอาไม้ไผ่ 1 ลำปักไว้ที่ปลายนา   ผูกกระป๋องไว้ที่ปลายหลาย ๆ กระป๋อง  ถ้าจะให้ดีใส่หินไปนิดหน่อยเวลาเขย่าจะได้เกิดเสียงดัง  จากนั้นโยงเชือกที่ปลายไม้ ไปที่ใต้ร่มไม้     (ใช้เชือกเขียวเส้นเล็ก )  ทำแบบนี้สักกี่ชุดก็ได้แล้วแต่สดวก  แล้วแต่ว่ามีพื้นที่เท่าไหร่

เมื่อทำเสร็จแล้วเราก็มานั่งที่ใต้่ต้นไม้ดึงเชือกเพื่อเขย่ากระป๋องที่อยู่บนปลายไม้  ดึงพร้อมกันที่เดียวหมดเลยก็ได้  ผูกปลายเชือกไว้กับไม้

วิธีที่สิบการใช้สารเคมีไล่นก
 เมซูรอลหรือ
    เมทิโอคาร์บ ในอัตรา 12 ช้อนแกง
    ต่อไร่ ผสมน้ำ 20 ลิตร (1 ปิ๊บ)
    ฉีดพ่นครั้งแรกในระยะที่ข้าวเป็น
    น้ำนม หลังจากนั้นอีก 12 วัน
    ให้ฉีดพ่นซ้ำอีกครั้ง โดยสารเคมีนี้
    จะไม่เป็นอันตรายต่อนก เพียงแต่
    ทำให้นกกินแล้วเข็ดและบินหนี้ไป
    เท่านั้น



วิธีที่สิบเอ็ด การไล่หนูู
การป้องกันกำจัด   : 1. ทำความสะอาดแปลงนา ไม่ให้เป้น
    ที่อยู่อาศัยของหนู
    2. ใช้ซิงค์ฟอสไฟด์ ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์
    เร็ว ในอัตรา 1 ส่วนต่อปลายข้าว
    100 ส่วน แล้ววางไว้บริเวณรอบ ๆ
    แปลงนา ถ้าจำนวนหนูยังมีมากอยู่
    ให้ใช้ราคูมินหรือวอร์ฟาริน ซึ่งเป็น
    สารออกฤทธิ์ช้า ในอัตรา 1 ส่วน
    ต่อปลายข้าว 19 ส่วน แล้วนำไป
    ใส่ในภาชนะที่กันฝนได้ วางไว้ใน
    บริเวณรอบๆ แปลงนา




วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

การประกันภัยพืชผลการเกษตร (Crop Insurance)

การประกันภัยพืชผลทางการเกษตร(Crop Insurance)



ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม ฝนแล้ง ไฟไหม้ ลมพายุ ศัตรูพืชและโรคระบาด นับวันจะเกิดภัยบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ความเสียหายแก่ผลผลิต ทรัพย์สินและชีวิต

การลดลงหรือสูญเสียไปซึ่งมูลค่าอันเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน (ความเสี่ยงภัย) เช่น เราทำนาเสร็จแล้ว น้ำท่วมหรือเกิดภัยแล้งนาข้าวก็ไม่มีผลผลิตให้เราหรือได้น้อยลง

โอกาสที่จะเกิดความเสียหายในอนาคตโดยเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน และไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ เช่น เราปักนาดำเสร็จแล้วต่อจากนั้นเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า น้ำจะท่วม หรือฝนจะแล้ง
การประกอบอาชีพการเกษตรมีความเสี่ยงที่สำคัญคือ ความเสี่ยงด้านราคาและความเสี่ยงด้านการผลิต

รัฐบาลทุกสมัยได้ให้ความสำคัญ และมีมาตราการรองรับดูแลเกษตรกร โดยการรับจำนำผลผลิต การประกันรายได้ และการแทรกแซงราคา เป็นต้น

ความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่นับวันจะเกิดรุนแรงและมากขึ้น แม้เกษตรกรจะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล แต่เมื่อเทียบกับเงินลงทุนทำการผลิตถือว่าน้อยไม่เพีงพอในการลงทุนทำการผลิตใหม่ หากไม่มีเงินทุนสำรองอาจต้องกู้เงินดอกเบี้ยแพง
 

การประกันภัยพืชผลการเกษตรสามารถแก้ปัญหาได้

การประกันภัยพืชผล
เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยลดหรือบรรเทาความเดือดร้อนจากการได้รับความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติต่างๆ "ค่าเบี้ยประกันภัย" ให้กับ "ผู้รับประกันภัย"
เมื่อผู้ทำประกันภัยได้รับความเสียหาย ผู้รับประกันภัยจะจ่ายเงินชดเชย "ค่าสินไหมทดแทน" ให้ "ผู้ทำประกันภัย"


ใครสามารถทำประกันภัยพืชผล
ผู้ที่จะทำประกันภัยพืชผล จะต้องเป็นผู้ที่ทำการผลิตพืชผลนั้นๆด้วยตนเองและเป็นเจ้าของผลผลิตนั้น


ทำประกันภัยพืชผลเมื่อใด
การประกันภัยพืชผลจะกำหนดระยะเวลาคุ้มครองไว้ล่วงหน้า โดยระยะเวลาคุ้มครองนี้จะตรงกับช่วงระยะเวลาเพาะปลูกของพืชแต่ละชนิดดังนั้น การทำประกันภัยจึงต้องทำก่อนเริ่มระยะเวลาเพาะปลูกของพืชแต่ละชนิด

ติดต่อทำประกันภัยพืชผลที่ใด
ผู้รับประกันภัยได้ร่วมกับ ธ.ก.ส. ในการเป็นช่องทางเผยแพร่ข่าวสาร และการให้บริการจัดทำประกันภัยพืชผล ดังนั้น เกษตรกรสามารถขอทำประกันภัยพืชผลและติกต่อสอบถามได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา


ประโยชน์การทำประกันภัยพืชผลคือ
1. ได้รับเงินชดเชย (สินไหมทดแทน) เมื่อเกิดความเสียหาย
2. มีเงินทุนเพียงพอทำการผลิตใหม่ เมื่อเกิดความเสียหาย
3. เกษตรกรมีภูมิคุ้มกันตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง


ศูนย์บริการลูกค้า (Call Center) 0 2555 0555
เลขที่ 2346 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900
โทรศัพท์: 0 2558 6100 ต่อ 8120-3
โทรสาร: 0 2558 6218

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

ผักเสี้ยนดอง

ผักเสี้ยนดอง

การปลูก 
เป็นพืชปลูกหมุนเวียนได้ตลอดเพราะขายได้ตลอดทั้งปี ปลูกได้ในดินทั่วไป รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ให้เพียงพอไม่ให้ขาดเพราะจะทำให้พืชที่ได้เกร็ง ไม่สมบูรณ์ส่งผลถึงความหวานของพืชได้  เป็นพืชที่ขึ้นง่ายแข็งแรง ไม่ค่อยเป็นโรค หากเป็นโรครักษาหายง่าย

เมล็ดผักเสี้ยนมีน้ำหนักเบา ก่อนหว่านลงแปลงควรระมัดระวังลมเนื่องจากการปลูกต้องใช้วิธีการหว่าน

ใบ
ใบเลี้ยงเดี่ยว

โรค


การเก็บเกี่ยว
เก็บได้ตั้งแต่ใบจนถึงราก คัดต้นที่อวบอ้วน อ่อน ราคาผักเสี้ยนดองคงที่ตลอด แต่ไม่ควรเก็บขายช่วงเทศกาลหยุดยาว เพราะช่วงนั้นตลาดเงียบ คนไม่นิยมทาน เทศกาลอะไรบ้าง เช่น ปีใหม่ สงกราน

การใส่ปุ๋ย
ปุ๋ยมูลสัตว์เช่น ขี้ไก่ มูลไส้เดือน การพิจารณาจะใส่มูลสัตว์ชนิดใดนั้น ควรพิจารณาจากอาหารที่สัตว์ชนิดนั้นกิน เช่น ไก่กินรำ เมล็ดพืช แมลง ไส้เดือนกินไม้ผุ วัวควายกินหญ้ามีการเคี้ยวเอื้อง มูลละเอียด ช้างม้ากินหญ้า ใบไม้  ไม้เคี้ยวเอื้อง มูลหยาบ หมูกินรำซื่งคุณค่าทางอาหารสูง พิจารณาเอาว่ามูลสัตว์ที่ได้จะมีคุณค่าอย่างไรต่อพืช
ไส้เดือนย่อยสลายอินทรียวัตถุที่มันกิน เมื่อไส้เดือนถ่ายจึงมีจุลินทรีย์มาก เราจึงใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ไปย่อยอินทรียวัตถุในดินเพื่อแปรสภาพให้กับต้นพืชต่อไป จุลินทรีย์จะตายเมื่อถูกแดดดังนั้นค
วรเก็บปุ๋ยจากไส้เดือนไว้ในที่ร่ม


ผลผลิต
อายุการเก็บเกี่ยวไว ได้ราคาดี ได้เงินเข้ากระเป๋าไว แต่ต้องทำแปลงปลูกบ่อยๆ

อาหาร
ผักเสี้ยนดอง โดยเลือกคัดต้นขนาดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เพียงแต่ต้องใช้ต้นอ่อน การทำผักเสี้ยนดองควรเน้นที่ความสะอาดเป็นสำคัญ  ผักเสี้ยนดองมีรสชาติหวาน กรอบ จะเป็นที่ถูกปากของผู้ทาน

อีกสูตรในการทำผักเสี้ยนดอง คือ นำมะเขือขื่น ทุบเมล็ดออก ซอยบางๆ ดองรวมกับผักเสี้ยนด้วย แล้วทานกับพริกสด (ลูกโดด) ได้รสชาติทั้งเผ็ดทั้งแซบ


ขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์โดยเมล็ด

ตะไคร้

ตะไคร้

ตะไคร้จัดอยู่ในพืชดอก แม้ไม่มีดอก เป็นพืชรากตื้นไม่สามารถกันการพังทลายของหน้าดินได้
ตะไคร้เป็นที่ต้องการของตลาดสูง ทุกครอบครัว หรือแทบทุกมื้อทานตะไคร้ ชาวต่างชาติมาทำงานในไทยเช่น พม่า เขมร ทานตะไคร้เป็นชีวิตจิตใจ กับข้าวทุกอย่างใช้ตะไคร้เป็นส่วนมาก

พันธุ์ตะไคร้
-พันธุ์เกษตรหรือตะไคร้หยวก สีขาวนวล หยวก  มีความฉุนปานกลาง เป็นพันธุ์ตะไคร้ที่ต้องถึงน้ำ ปุ๋ย และยาเร่งจึงจะได้ตะไคร้สีขาวหยวก
-พันธุ์หัวค้อน หัวเล็กคล้ายหัวค้อน น้ำหนักดี ส่งสินค้าให้กับโรงงาน
-พันธุ์พื้นบ้าน กลิ่นตะไครแรง


การปลูก
ซื้อพันธุ์แนวต้นมาจากตลาด น้ำมาแช่น้ำ เมื่อรากงอกจึงนำไปปลูก เมื่อตะไคร้แตกกอใหญ่ขึ้น จึงขยายต้นออกไปปลูก โดยไม่ควรปลูกให้ห่างกันมากนัก แค่พอเป็นแถวเดินได้ก็พอแล้ว หากกอตะไคร้โดนแสงแดดส่องจะทำให้ต้นมีสีม่วงๆ ซึ่งตะไคร้จะไม่สีขาว  อาจโดนแม่ค้ากดราคาหาว่าตะไคร้แก่ได้

การปลูกตะไคร้เป็นไร่ 1 ไร่ ควรจัดระบบน้ำหยดให้ดี ข้อดีของการปล่อยน้ำหยดก็คือ น้ำจะค่อยๆซึมลงสู่ดิน ให้น้ำทั้งเช้าและเย็น เช้าให้เวลา 8 โมง น้ำจะหยดไปเรื่อยๆ จากนั้น 4 โมงเย็นจึงกลับมารดอีกที การให้ระบบน้ำหยดน้ำในดินยังชุ่มอยู่แม้ผิวดินจะแห้งแล้วก็ตาม ลดการเสียแร่ธาตุในดินจากการชะล้างของน้ำ การให้น้ำให้เฉพาะ 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นหากสภาพอากาศแล้งมากค่อยให้น้ำ  เมื่อ 4-5 เดือนเก็บเกี่ยวได้ 1 กอจะให้ผลผลิต 5-6 กิโลกรัม

แต่หัวใจของระบบหยดน้ำคือเครื่องกรอง หากน้ำมีหินปูนหรือตะกอนดินสายน้ำหยดจะตัน3-6 เดือน ต้องเอาเข็มเจาะน้ำ น้ำจะพุ่งออกมามากกว่าปกติกลายเป็นว่าตรงนั้นพืชที่แฉะไม่โต เมื่อนานไประยะ 2-3 ปีต้องเดินสายใหม่

การแก้หินปูน หินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอเนต ใช้กรดฟอสฟอรัสแอซิดหรือปุ๋ย 16-60-0 ใส่ลงไปในช่วงพักน้ำจะช่วยให้หินปูนตกตะกอนแล้วยังมีธาตุฟอสฟอรัสช่วยในการออกดอกถือว่าได้ประโยชน์สองต่อ

การใส่ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยจากมูลสัตว์ ได้แก่ ขี้ไก่

โรค
หนอนกอ

การเก็บเกี่ยว
การขุดตะไคร้เพื่อขายไม่จำเป็นต้องขุดทั้งกอ เอาเฉพาะต้นขนาดใหญ่ ต้นเล็กเก็บเอาไว้ให้โต แล้วโกยดินรอบๆถมกลับเข้าไป จะทำให้ต้นที่เหลือโตขึ้นแทนที่ เราก็ตัดตะไคร้ขายได้เรื่อยๆ ตะไคร้ที่ได้เมื่อตัดเสร็จแล้วควรแช่น้ำทันทีเพื่อคงความสดไว้ อายุในการเก็บเกี่ยว 4.5 เดือน

ราคา
ต่ำสุดกิโลกรัมละ 8 บาท
เดือนมกราคม 2555 ราคากิโลกรัมละ 56 บาท
ขณะนี้วันที่ 26 มกราคม 2557 ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 15 บาท

การอาหาร
ยำตะไคร้
-ตะไคร้ทอดกรอบ ในน้ำมันปาล์ม โดยตำตะไคร้ให้เป็นเส้นใย แล้วทอดในน้ำมันให้ท่วม จะได้ตะไคร้ทอดกรอบสมใจ

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

พืชผักชนิดออกดอกและผลเร็ว เพื่อปลูกผักทดลองสำหรับเด็ก

พืชผักชนิดออกดอกและผลเร็ว เพื่อปลูกผักทดลองสำหรับเด็ก

หอม กระเทียม
ถั่วเขียว
ดอกดาวกระจาย
ผักชี ผักบุ้ง ยี่หร่า คะน้า กวางตุ้ง ถั่วงอก
คื่นช่าย
มอร์นิ่งกลอรี่ งอกง่าย สังเกตการเจริญเติบโตได้ง่ายเพราะโตทุกวัน มีหลายสี

การเพาะปลูกเตรียมดิน
วัสดุเพาะ
1. ล้างเมล็ดให้สะอาด แช่น้ำอุ่น 6-8 ขั่วโมง
2. เตรียมดิน หรือวัสดุเพาะดังนี้
2.1 ขี้เถ้าแกลบ
2.2 กาบมะพร้าวสับเป็นชิ้นเล็ก
2.3 ขุยมะพร้าวร่อน

วิธีผสม
1. นำขุยมะพร้าวร่อนให้เหลือแต่ขุยมะพร้าวละเอียดๆ 2 ส่วน
2. ขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน

ขั้นตอน
1. นำกาบมะพร้าวสักเป็นชิ้นเล็กๆ....รองก้นภาชนะปลูก
2. นำส่วนผสมวัสดุเพาะข้างต้นใส่ลงไปเหลือขอบไว้ใส่เมล็ดพันธุ์....รดน้ำให้ชุ่ม
3. โรยเมล็ดพันธุ์ให้เต็มพื้นหน้า (ชั้นเดียว)
4. กลบเมล็ดพันธุ์ด้วยวัสดุเพาะที่เหลือ บางๆ หรือใช้ใยมะพร้าวจากการร่อนปิดบังก็ได้
5. รดน้ำทุกเช้า วางไว้ในที่ร่ม ใช้เวลา 5-7 วัน ก็นำต้นกล้าอ่อนๆมารับประทานได้

Reference: เอกสารแจกฟรี พร พรรณไม้

ประโยชน์ข้อดี-เสีย ปลูกผักไร้ดิน




ประโยชน์ข้อดี-เสีย ปลูกผักไร้ดิน
กล่าวข้อเสียเป็นประการแรก
ปลูกผักไร้ดินเช่นระบบ Hydroponics ถึงแม้จะไม่ต้องคำนึงเรื่องคุณภาพดิน แต่ต้องคำนึงเรื่องน้ำที่ใช้เช่น
-ค่ากรด-ด่าง PH ของน้ำ
-สารอาหารที่จำเป็นต่อผักและพืช ไนโตรเจน(N) , ฟอสฟอรัส(P), โปแตสเซียม(P), แคลเซียม(Ca), กำมะถัน(S), แมกนีเซียม(Mg) และ ซิลิคอน (Si)
ถ้าใช้น้ำอย่างเดียวพืชจะขาดสารอาหาร ซึ่งก็จะเป็นพวกธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง

1. แม้ว่าการปลูก Hydroponics จะคุ้มค่าในระยะยาว แต่ต้องใช้ต้นทุนสูงในระยะแรก อุปกรณ์ราคาแพง ต้นทุนผักที่ปลูกต่อต้น ต่อหนึ่งกิโลกรัมแพงมาก
2. การใช้ปุ๋ยน้ำต้องมีปนิมาณที่แม่นยำ และการติดตั้ง ความยาวของท่อ ความลาดชัน ความเร็วของน้ำ ต้องมีความแม่นยำ
3. กรรมวิธีต้องมีความสะอาด เพราะควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อราได้ยากมาก โดยที่ติดเชื้อราแล้ว จะติดทั้งระบบ
4. พืชแต่ละชนิดจะต้องการแร่ธาตุ และตัวยึดเกาะที่แตกต่างกัน ซึ่งเกษตรกรสามารถสับสนได้ง่าย
5. ต้องมีการควบคุมที่ดี นอกจากระวังเชื้อราแล้ว ต้องระวังไม่ให้ปุ๋ย แร่ธาตุ โดนแสงแดด เพราะแร่ธาตุบางชนิดจะตกตะกอน หรือเปลี่ยนคุณสมบัติเมื่อโดนแสง
6. การลงทุนสูง ต้องมีปัจจัยในการปลูกพืชระบบนี้คือ ไฟฟ้า น้ำ ธาตุอาหารที่พืชต้องการในรูปของสารเคมี   เช่นใช้ไฟฟ้าในการหมุนเวียนของน้ำ ถ้าไฟดับแล้วไม่มีระบบสำรองไฟซึ่งมีราคาแพง สามารถทำให้สูยเสียผลผลิตทั้งหมดได้ ผู้ปลูกต้องศึกษา ทำความเข้าใจในเทคนิคที่เลือกใช้

ข้อดี
-พืชเจริญเติบโตได้เร็วและได้ผลผลิตสูงกว่า
-ปลูกพืชได้ทุกฤดูกาลและทุกสภาพอากาศ
-ปลูกพืชได้แม้ไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับปลูกพืชหรือพื้นที่ดินไม่เหมาะสมสำหรับการปลูก
-ไม่ต้องใช้ดินเพราะดินแต่ละที่มีความแตกต่างทั้งแร่ธาตุและความร่วนซุย
-น้ำที่นำมาใช้ในระบบ สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นการประหยัดน้ำ ถ้าเทียบกับการปลูกพืชธรรมดาที่น้ำจะซึมลงดินชั้นล่างหมด

-สามารถควบคุมปริมาณปุ๋ยหรือแร่ธาตุที่ให้ ซึ่งถ้าปลูกพืชแบบใช้ดินมักต้องใส่ปุ๋ยเกินไว้ก่อน การปลูกพืชแบบHydroponicsเป็นการประหยัดแร่ธาตุ

- ไม่มีแร่ธาตุหรือสารพิษส่วนเกิน ที่มีผลกระทบให้ผลผลิตเปลี่ยนไป

- สามารถควบคุมโรคและแมลงได้ดีกว่าการปลูกพืชในดิน เพราะอุปกรณ์สีขาวๆ ทำให้สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่สีของดินทำให้เราแยกไม่ออก จนต้องเอาไปเข้าห้องวิจัย หาเชื้อโรค เชื้อรา
-ลดการใช้สารเคมี เนื่องจากมีการควบคุมสภาพแวดล้อม ควบคุมศัตรูพืชได้ง่าย

-การปลูกพืชบนดินจะมีจุลินทรีย์ช่วยสร้างอาหารไว้ส่วนหนึ่ง อีกทั้งดินเป็นตัวแลกประจุ ไม่ต้องใส่ปุ๋ย AB ราคาแพง (ปุ๋ยสำหรับผักไฮโดรโปรนิกส์)

-เป็นผักที่สามารถจำหน่ายได้ราคาในตลาด โดยต้องเจาะกลุ่มตลาดให้ได้   ในช่วงหน้าแล้งผักมีราคาแพง ตลากขาดแคลนสินค้า เป็นช่วงได้เปรียบในการแทรกการตลาด
-มีผลกระทบในเรื่องของสารพิษน้อยซึ่งเป็นเรื่องจุดขายด้วย อันเนื่องมาจากแหล่งน้ำของผักไฮโดรโปรนิกมาจากน้ำประปา

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

Coco"nut" มะพร้าว

Coconut มะพร้าว




มะพร้าวอ่อน

มะพร้าว Coconut palm
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cocos nucifera
ชื่อCoconut ชาวยุโรปเป็นคนตั้งขึ้นมา

80 ประเทศทั่วโลกปลูกมะพร้าว ส่วนใหญ่พบในประเทศที่ติดทะเล อ่าว หรือมหาสมุทร ซึ่งปลูกบริเวณชายฝั่ง มะพร้าวเป็นพืชตระกูลเดียวกับปาล์ม เจริญเติบโตสูงได้ถึง 30 เมตร ใบมะพร้าวมีลักษณะเป็นใบขนนก pinnate ในหนึ่งต้นมียอดเพียงหนึ่งยอดเท่านั้น ใบที่แก่ที่สุดของมะพร้าวจะอยู่ด้านล่างสุดและจะร่วงลงพื้นก่อน เปลือกลำต้นมะพร้าวมีผิวเรียบเป็นคลื่น

รากต้นมะพร้าวมีทั้งรากแก้ว (tap root)เป็นรากที่มีขนาดใหญ่กว่ารากอื่นๆเจริญมาจากradicle หรือembryonicroot ช่วยในการยึดเกาะและพยุงลำต้นตั้งตรง ทรงตัวได้ดี และ root hair มีลักษณะเป็นขนเส้นเล็กๆ เป็นฝอยจำนวนมากอยู่เหนือปลายรากเล็กน้อย เพิ่มพื้นที่ในการดูดซึมน้ำและแร่ธาตุ
มะพร้าวเจริญเติบโตได้ดีในดินทราย และมีแดดส่องถึง แต่จะโตไม่เต็มที่หากขาดน้ำ



มะพร้าวแห้ง

ประเทศผู้ผลิตมะพร้าว
อันดับต้นของโลกได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย บราซิล ศรีรังกา ไทย หากรวมผลผลิตทั่วโลกต่อปี 61 ล้านตัน
ประเทศอินเดีย
แหล่งที่พบมะพร้าวในประเทศอินเดียเช่น
รัฐเกรละ (Kerala) เป็นรัฐใต้สุดของประเทศอินเดีย
รัฐทมิฬนาฑู (นา-ดู) (Tamil Nadu)
รัฐพอนดิเชอร์รี่ (Puducherry)
รัฐอานธรประเทศ (Andhra Pradesh)
รัฐกรณกฏกะ(Karnataka)
รัฐกัว (Goa) เป็นเมืองชายหาดสวยรายล้อมด้วยมะพร้าวสูงใหญ่ หาดที่มีชื่อเสียงคือ อันจูน่า บีช (Anjuna Beach)
รัฐมหาราษฏระ(Maharashtra) เป็นรัฐที่ร่ำรวยที่สุดของอินเดีย
รัฐโอริสสา (Odissa)
รัฐเบงกอลตะวันตก (West Bengal)
หมู่เกาะลักษทวีป (Lakshadweep) เป็นเกาะที่สวยที่สุดและเป็นรัฐที่เล็กที่สุดของอินเดีย
หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ประเทศอินเดีย Andaman and Nicobar
รัฐเหล่าได้ผลิตสินค้าจากมะพร้าว อาทิเช่น น้ำมะพร้าว, น้ำมันมะพร้าว, เนื้อมะพร้าวแห้งcopra นำไปทำเค้ก คุกกี้ ,น้ำตาลมะพร้าว, ผลิตภัณฑ์จากเปลือกมะพร้าวแห้ง, ผลิตภัณฑ์จากเนื้อไม้มะพร้าว, ผลิตภัณฑ์จากใบมะพร้าว, ผลิตภัณฑ์จากกาบมะพร้าว (coir pith) ทั้งหมดมวลนี้ สินค้าที่ได้รับยอดนิยมของชาวภารตะคือเนื้อมะพร้าวและกาบมะพร้าว

มัลดีฟ Maldives
นักท่องเที่ยวทั่วโลกหลั่งไหลเข้าสู่มัลดีฟ เมืองมัลดีฟจึงเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ ต่างภาษา มะพร้าวจึงกลายเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและชื่นชอบ จึงเป็นผลพลอยได้ให้ลูกมะพร้าวกลายเป็นผลไม้นานาชาติ ชาวพื้นเมืองมัลดีฟใช้ประโยชน์มะพร้าวจาก เนื้อไม้มะพร้าวนำไปสร้างแหล่งที่อยู่อาศัย เรือ ใบมะพร้าวนำไปทำหลังคาบ้าน ลูกมะพร้าวบริโภคเป็นส่วนใหญ่ด้วยวิธีการเก็บลูกมะพร้าวจากขั้นบันได

ตะวันออกกลาง
จุดศูนย์รวมผลิตภัณฑ์มะพร้าวอยู่ที่เมือง Dhofar ประเทศโอมาน โดยแหล่งปลูกมะพร้าวทอดยาวตามอ่าวเปอร์เซีย ทะเลอาราเบียน ทะเลแดง ซึ่งมีสภาพอากาศแบบเขตร้อน
การปลูกมะพร้าวจะเริ่มจากการปลูกในโรงเพาะต้นอ่อน เมื่อโตพอระยะใบมะพร้าวเริ่มออก 3-4 ใบจะเริ่มปลูกลงพื้นที่จริงตามหาดต่างๆโดยใช้น้ำทะเลหรือน้ำจืดรดต้นไม้

ศรีลังกา Sri Lanka
ประเทศศรีลังกาเป็นแหล่งวิจัยมะพร้าว "The Coconut Research Institute of Sri Lanka " เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรมมะพร้าว

สหรัฐอเมริกา
พบมะพร้าวที่รัฐฮาวายและฟลอริดาเท่านั้น ทางด้านอ่าวฟลอริดาตะวันตกและเมลเบิร์นทางอ่าวฟลอริดาตะวันออก เมืองที่พบได้แก่ Tampa ฟลอริดา และเมือง Clearwater ฟลอริดา

ออสเตรเลีย
พบมะพร้าวขึ้นทางอ่าวตอนเหนือของนิวเซาเวลล์


ลำต้นมะพร้าว
ลำต้นมะพร้าว
ชาวมัลดีฟ(Maldives)ใช้ประโยชน์จากลำต้นมะพร้าวไปทำเรือหรือสร้างบ้าน โดยเจาะจงเลือกใช้ต้นที่ใหญ่และแก่ เพื่อให้ได้แกนต้นที่แข็งแรง และใช้ใบมะพร้าวทำหลังคาบ้าน ประเทศมัลดีฟมีพื้นที่ล้อมรอบทะเล การเกษตรกรรมจึงปลูกมะพร้าวเป็นส่วนใหญ่ การใช้ประโยชน์จากมะพร้าวของชาวมัลดีฟแทบจะใช้ทุกส่วนของต้น ผลมะพร้าวยังเป็นผลไม้นานาชาติต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย


การปลูกมะพร้าว
เริ่มจากการเพาะลูกมะพร้าวต้องเพาะในที่ที่มีความชื้น มีหลากวิธีเพาะเช่น เพาะโดยใช้ฟางข้าวคลุมหรือวางมะพร้าวในท้องร่องน้ำ มะพร้าวที่นำมาใช้ในการเพาะควรเป็นมะพร้าวแก่จัด โดยเลือกลูกที่สุกคาต้นไม่ใช่มะพร้าวที่เขียวคาต้นอยู่

วิธีการปลูกเน้นที่การคัดเลือกพันธุ์ คัดมะพร้าวแจ้หรือมะพร้าวแกรนทิ้ง นำลูกมะพร้าวอ่อนมาเพาะขาย หากปลูกต้นมะพร้าวโตเต็มที่ 3 เดือนแล้วจะตายลงทันที ต้นลีบ หน่อยอดขนาดเล็ก ใบมีจำนวนมากผิดปรกติ

วิธีการนำต้นอ่อนลงดินพึงให้เห็นหน่ออ่อนหรือวันลูกเป็นสำคัญ หากปลูกแบบเอาดินกลบกลางต้น ต้นมะพร้าวจะไม่ขยายตัว

การปลูกมะพร้าวกะทิ
แหล่งปลูกมะพร้าวกะทิเขื่อนเขาแหลม เกาะมะพร้าวอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ที่นั้นจะมีเฉพาะสวนมะพร้าวกะทิ การปลูกมะพร้าวกะทิต้องปลูกห่างจากมะพร้าวพันธุ์พื้นเมือง 5 กิโลเมตร เพื่อกันแมลงผสมเกสร ติดต่อขอซื้พันธุ์มะพร้าวกะทิได้ที่ มหาวิทยาลัยเกษตร บางเขน โทร 0-2579-0113 , 0-2942-8500-11 หรืองานเกษตรแฟร์ประจำปี ประมาณช่วงต้นปีของทุกปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เทคนิคดีๆ จากการปลูก มะพร้าวกระทิ(เพื่อเพิ่มการเป็นกระทิ)
เมื่อได้ต้นพันธ์มาแล้ว(ควรเป็นต้นที่เพิ่งแทงยอดออกมายอดใบยังไม่แตก)
ให้เอาเลื่อยตัดตูดลูกมะพร้วว ให้กระลาขาดเลย
แล้วควักเอาจาวในลูกมะพร้าวออก
จากนั้นให้เอาดินเหนียวผสมขี้เถ้ายัดเข้าไปให้เต็มลูก
แล้วค่อยเอามะพร้าวลูกนั้นไปปลูก

และเพื่อเพิ่มผลที่เป็นกระทิ
เมื่อมะพร้าวนั้นเริ่มออกจั่น(จั่นต้องยังไม่แตก ไม่บาน)
ให้เอาถุงกระดาษห่อจั่นทั้งหมดให้ดอกบานในถุง
การทำเช่นนี้เพื่อให้ดอกมะพร้าวผสมในทะลายเดียวกัน
เกิดเป็น ยีนส์ด่อย จึงทำให้เกิดโอกาศเป็นกระทิสูงขึ้น  (อ้างอิง: ลุงแว่น)

ทะลายมะพร้าว
โรคและศัตรู
หนอนขาว อาศัยอยู่ในดินเป็นตัวอ่อนของแมลงปีกแข็งกินอินทรียวัตถุที่เริ่มย่อยสลายแล้วเป็นอาหารเช่นขี้วัว เศษอาหาร วิธีการกำจัดเอาไปให้ไก่กิน หากใช้สารเคมีในการกำจัดคือ ฟูราดาน แต่ไม่แนะนำเนื่องมีสารพิษแรงและตกค้างเป็นระยะเวลานาน เป็นสารไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส สารตัวนี้ในต่างประเทศห้ามใช้แล้ว

-ด้วงไฟ เข้าไปไข่แล้วกินไส้มะพร้าวเป็นอาหาร รักษาโดยการฉีดยาภายนอกหรือโรยเกลือ

-ด้วงงวงมะพร้าวหรือด้วงสาคู เกิดจากพ่อแม่ด้วงเข้าไปไข่ที่ยอดมะพร้าว ตัวอ่อนจะเข้าทำลายไส้ในด้วยความรวดเร็ว ต้นที่โดนทำลายแล้วผ่าต้นมะพร้าวพบด้วงอยู่ภายในแล้วเอาด้วงมาผัดน้ำมันอร่อยมาก
บริเวณรอบๆสวนหากมีกองขี้เลื่อย โคนต้นมะพร้าว ขี้วัวเก่า เมื่อคุ้ยพบตัวอ่อนจัดการทำลาย และรวบรวมเศษวัสดุทำลายด้วยราเขียวเมตาไรเซี่ยม เป็นสารทำลายวงจรของแมลง



ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว
-เปลือกมะพร้าวปั่นใย ส่งโรงงานทำที่นอน เก้าอี้ ขุยมะพร้าวเอาไปทำปุ๋ย หรือส่งขายสวนกล้วยไม้
-กะลามะพร้าวเผา ขายให้กับโรงงานกรองน้ำหรือโรงงานทำเครื่องกรองอากาศเพราะถ่านกะลากันสารพิษได้ดีที่สุด
-(มีผู้ใช้)น้ำมันมะพร้าว นำมากรองให้สะอาดอย่างต่ำ 3 ไมครอนใช้แทนน้ำมันดีเซลโดยไม่ต้องนำไปผสมน้ำมันก๊าด
-กะลาดิบ
-ถ่านกะลา
-กากเนื้อ
-น้ำมันหีบเย็น
-น้ำมันหีบร้อน
-ผิวมะพร้าวตากแห้ง
-เนื้อมะพร้าวขาว
-น้ำมะพร้าวสามารถนำมาทำน้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพแทนกากน้ำตาลได้
-การผลิตวุ้นน้ำมะพร้าวเพื่อเลี้ยงเชื้อเห็ด
-น้ำมะพร้าวสะอาดนำไว้ใช้ดองหน่อไม้และปลาร้า
-นำไปทำเมนูขาหมูน้ำมพร้าว
-เนื้อมะพร้าวอ่อนที่เหลือนำไปตากแห้งแล้วนำไปขายทำส่วนผสมอาหารสัตว์  หรือ วุ้นมะพร้าวอ่อนแช่เย็น , มะพร้าวแก้ว, ทำเป็นเครื่องขนมหวานเช่น ลอดช่อง ทับทิมกรอบ ไอศครีม , ทำสังขยาในลูกมะพร้าว, เต้าฮวยมะพร้าวอ่อน, น้ำจุลินทรีย์หมักหรือปุ๋ยหมัก

(coconut flowers) ดอกต้นมะพร้าว 
ดอกมะพร้าว Coconut flowers
ดอกมะพร้าวนำไปทำน้ำหวานน้ำตาลมะพร้าวสดได้( sweet syrup ) หรือหากนำไปต้มให้เดือดจนแห้งทำเป็นลูกอม (candy) หรือ น้ำตาลมะพร้าวก้อน ( coconut sugar หรือ palm sugar หรือ jaggery)

ไม่เพียงแต่ไทยที่ใช้ประโยชน์จากดอกมะพร้าว ประเทศฟิลิปปินส์ก็นำดอกมะพร้าวมาทำน้ำตาล (ภาษาฟิลิบส์เรียกว่า Tuba) Eng: Toddy และยังได้นำดอกมะพร้าวไปทำว้อดก้ามพร้าว หรือ coconut vodka ชาวฟิลิปปินส์เรียกว่า Lambanog





เมนูอาหาร
น้ำมันมะพร้าวนำไปประกอบอาหารประเภทผัด โรยหน้าขนมปัง คุกกี้ เนื้อขนมปัง มาการีน โดยคัดสรรใช้เนื้อมะพร้าวสดหรือแห้ง
ส่วนน้ำกะทิ นำไปประกอบอาหารคาวหวานเช่น แกงกะหรี่ ขนมไทย น้ำกะทิแตงไทย
แป้งมะพร้าว coconut flour ใช้ในการทำขนมอบ
Coconut chip เน้นไปในการบริการนักท่องเที่ยว
และ Coconut butter


น้ำมะพร้าว Coconut water
เป็นส่วนของเอนโดสเปร์ม มีรสชาติหวาน ประกอบด้วย ไฟเบอร์ โปรตีน เอนติอ๊อกซิเดน Antioxidants วิตามิน มิเนอรัลMinerals การดื่มน้ำมะพร้าวสดจะช่วยให้ร่างกายหายเหนื่อย บำรุงสมอง เหมาะกับผู้ที่เล่นกีฬา

น้ำกะทิ Coconut milk
คั้นจากเนื้อมะพร้าวสดโดยใช้น้ำร้อนเป็นตัวทำละลาย เพื่อให้ได้น้ำกะทิ ประกอบอาหารคาวหวาน น้ำกะทิประกอบด้วยสารอาหารเช่น น้ำมันมะพร้าว และอโรมาติก

น้ำมันมะพร้าว Coconut oil
นำมาประกอบอาหาร จำพวกผัด สามารถใช้แทนนำมันพืชได้เพียงแต่มีราคาแพงกว่า ส่วนใหญ่นำไปทำ butter หรือ lard
ปัจจุบันมีการทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับมะพร้าวยามราคาตก


ยอดมะพร้าว coconut sprout
ยอดมะพร้าว
ยอดมะพร้าวหารับประทานยากมาก การจะได้ยอดมะพร้าวมะต้องแลกด้วยชีวิตมะพร้าวหนึ่งต้น จึงได้ชื่อขนานนามว่า "Heart of palm " หรือ Millionaire's salad หรือ Coconut sprout อาหารนำไปทำเมนู แกงยอดมะพร้าวอ่อน ห่อหมกยอดมะพร้าว



fresh coconut เนื้อมะพร้าวอ่อน

ศัตรูพืช
แมลงดำหนาม  แมลงกินยอดทำให้มะพร้าวยืนต้นตาย บวกกับสภาพอากาศแห้งแล้ง ขาดน้ำ วิธีแก้ไขใช้แตนเบียนแมลงดำหนามมะพร้าวเป็นการกำจัดโดยชีววิธี


Coconut leaves ก้านมะพร้าว

พันธุ์มะพร้าว
-มะพร้าวกะทิน้ำหอม มี 2 สายคือ พันธุ์ข้าวเจ้าน้ำในใส เนื้อไม่ฟูหนา
และอีกสายพันธุ์คือพันธุ์ข้าวเหนียว น้ำข้นเหนียว เนื้อฟู ตลาดนิยม

-มะพร้าวไฟ เปลือกสีเขียว ตรงจุกเป็นสีชมพู ปลายรากมีสีแดง มีขนาดลูกเล็ก เปลือกบาง เนื้อน้อยแต่เนื้อหนา หอมสู้พันธุ์อื่นไม่ได้  ส่วนใหญ่จะเอาทำยา และน้ำรสซ่าคล้ายน้ำอัดลม

-มะพร้าวแกง ผลแก่รสชาติมัน น้ำซ่าไม่มีกลิ่นหอม น้ำไม่หวาน แต่กินน้ำมะพร้าวอ่อนได้เช่นกัน ลูกใหญ่ขนส่งได้น้อย ขึ้นโต๊ะอาหาร ดูใหญ่ไม่สวยแต่มีประโยชน์ทางด้านคั้นกะทิ ทำขนม

-มะพร้าวน้ำหอม ทั้งเนื้อและน้ำหวานหอมอร่อยแต่ลูกเล็ก น้ำน้อย เนื้อน้อย มีทั้งชนิดกินน้ำอย่างเดียวและกินทั้งน้ำและเนื้อเป็นข้อดีทางการค้า ขนาดกำลังดี ขนส่งง่าย ขึ้นโต๊ะสวย ขนาดพอดีมือ ถือกินได้สะดวก 


การขยายพันธุ์
-มะพร้าวไม่สามารถตอนได้ โดยส่วนใหญ่เพาะเนื้อเยื่อและใช้ผลมะพร้าวปลูก  แต่มีงานวิจัยจากอินเดีย กล่าวว่า สามารถตอนมะพร้าวได้เช่นกัน โดยการควั่นเปลือกรอบต้นแล้วหุ้มด้วยขุยมะพร้าวเพื่อให้แตกราก แต่ไม่ได้กล่าวระบุวิธีการขนต้นมะพร้าวที่ตอนลงอย่างไร


Reference: guru google
wikipedia.org

วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

ต้นกก Papyrus

ต้นกก



กก Papyrus
กกเป็นพืชไม้ล้มลุก เป็นพืชธรรมชาติที่ขึ้นอยู่ทั่วทุกภูมิภาค เจริญเติบโตเร็ว ใช้ประโยชน์จากพืชได้จริง กกปลูกในที่มีดินร่วนซุย มีน้ำขังเล็กน้อย ลำต้นของกกคือส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์ ผิวจะเหนียวและอ่อนนุ่ม ลักษณะดอกออกเป็นช่อซึ่งประกอบด้วยดอกย่อย 6-20 ดอก ขยายพันธุ์โดยใช้หัวเหง่าเหมือนข่าและเมล็ด
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cyperus imbricatus

ต้นกกปลูกในที่มีดินร่วนซุย มีน้ำขังพอให้แฉะ  เตรียมดินโดยการพรวนดินให้ร่วนซุยก่อน จากนั้นนำหน่อต้นกกมาปลูก ปลูกประมาณ 10 วัน รากเริ่มติดดินจึงใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15


ดอกกก

ระยะที่ต้นออกดอก เป็นช่วงที่ต้นกกมีความเหนียว อายุได้ 2-4 เดือน จึงนำลำต้นกกไปใช้ประโยชน์ โดยตัดบริเวณโคนต้นเพื่อให้ต้นกกแตกหน่อขึ้นมาใหม่ได้อีก

การนำต้นกกไปใช้ กรรมวิธีในไทยอาศัยธรรมชาติในกระบวนการ นำต้นกกไปตากแดดให้แข็งเพิ่มความเหนียว เมื่อแห้งจะได้กกสีขาว หลังจากนั้นจึงนำไปย้อมสี แล้วนำกกที่ได้เข้ากระบวนการทอเสื่อเป็นผืน เสื่อที่ได้จะทน เหนียว อายุการใช้งานไม่ต่ำ 5 ปี

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกกพบทั้งในไทยและต่างประเทศ อาจเนื่องจากอิทธิพลทางความคิด ปัจจัยการดำรงชีพมุ่งการใช้สอยในครัวเรือน ของผู้คนในอดีตที่คล้ายกัน

สินค้าจากกก ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยขึ้นทั้งในรูปแบบ ลวดลาย เน้นความเท่โก้เก๋แก่ผู้ใช้ ทั้งสินค้าไทยและต่างประเทศ


การขยายพันธุ์
-โดยเมล็ด
-โดยแขนงเหง่า


เสื่อกกสีและลายธรรมชาติ




การทำนากก
คล้ายกับการทำนาข้าว เริ่มจากไถดิน แล้วปักหน่อกกลงดินคล้ายการทำนา ส่วนขั้นตอนหลัง คือ การดูแล หญ้า วัชพืช ไม่ให้ขึ้น การใส่ปุ๋ย เหมือนการดูแลนาข้าวปกติ

ผลิตภัณฑ์
เสื่อกก, กล่องทิชชู่, เสื่อกกรองแก้วรองจาน, เสื่อกกที่มีลายคล้ายเปลือกไม้, เสื่อยาวถวายวัด, ของชำร่วย, กระเป๋าเลดี้, เสื่อกกแบบที่นอนบุฟองน้ำ, กล่องเอนกประสงค์, เบาะนั่่งกกบุฟองน้ำ, เสื่อกกที่นอนบุยางพารา

การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์จากเสื่อกก ควรเก็บรักษาในที่แห้ง ไม่มีความชื้น ไม่มีรา หากขึ้นราต้องนำตากแดดทันที

ลายเสื่อกก ยอดนิยมเช่น ลายหมากจัก, ลายพานพุ่ม, ลายกาบเพชร, ลายเกล็ดเพชร, ลายตะขอคู่, ลายดอกหาด

ประเทศอียิปต์
กกอียิปต์หรือ Egyptian papyrus ลำต้นขึ้นเป็นกอเหมือนกกไทย ลำต้นชุ่มน้ำ เหนียว เส้นใยเป็นเส้นและมีน้ำยางทำให้เส้นใยเกาะเหนียวแน่น ชาวอียิปต์โบราณจึงนำมาทำเป็นกระดาษ สานหลังคาบ้าน

การบันทึกลงบนกระดาษปาไปรัส เช่น การบันทึกประวัติศาสตร์ของชาวอียิปต์ลงหนังสือ A section of the Egyptian Book of the Dead หรือ หลักฐานการทำสัญญาซื้อขายลงบนปาไปรัส "Bill of sale for a donkey" การเก็บรักษาเอกสารเหล่าจะม้วนเข้ารูปไว้ และเก็บในที่แห้ง เนื่องด้วยสมัยอียิปต์โบราณติดต่อสื่อสารโดยใช้กระดาษปาไปรัสเป็นสื่อกลาง ภายหลังเริ่มคิดค้นกระดาษจากใยฝ้าย กระดาษปาไปรัสจึงได้รับความนิยมลดน้อยลง







Reference: pages of OTOP Baan Plang
wikipedia.org

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

กะเพรา

กะเพรา


กะเพรา Ocimum sanctum , Holy basil , Tulasi
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum sanctum
กะเพราเป็นไม้ล้มลุก ขึ้นง่ายก็ตายง่ายเช่นกัน สาเหตุการตายสภาพอากาศร้อนและขาดน้ำรุนแรง  เรามุ่งใช้ประโยชน์จากใบและดอกกะเพราไปในการประกอบอาหาร และในส่วนดอกกะเพราแก่ไว้ใช้ขยายพันธุ์

ลำต้นกะเพรามีความแข็ง ตั้งตรง ลำต้นอ่อนมีสีเขียว ลำต้นแก่มีสีน้ำตาล กะเพรามีขนตามลำต้น ส่วนใบกะเพรามีรูปเป็นมน ขอบใบเป็นคลื่นและมีขนตามใบ ยิ่งมีขนมากกะเพรายิ่งหอม

การปลูกกะเพราปลูกได้ทุกสภาพดิน เพียงให้มีแดดส่องตลอดและให้น้ำสม่ำเสมอ หากปลูกในดินดานหรือดินเปรี้ยวและไม่ค่อยรดน้ำกะเพรายิ่งมีกลิ่นฉุนมากกว่าดินประเภทอื่น


สายพันธุ์
-กระเพราขาว
-กระเพราแดง
-กระเพราลูกผสมระหว่างกระเพราขาวและกระเพราแดง



อาหาร
ผัดกะเพรา เป็นอาหารที่นำเนื้อหมู ไก่ ผัดกับพริกแล้วตบท้ายด้วยใบกระเพรา ทานกับข้าวสวยและไข้ดาว คนไทยรู้จักและทานกันเคยชินแล้ว แต่ในต่างประเทศอย่างญี่ปุ่นกับเป็นเมนูอาหารไทยที่คนญี่ปุ่นชอบมากที่สุด

ผัดกระเพราในประเทศญี่ปุ่นจัดอยู่ในอาหารยอดนิยมพลัสด้วยราคาที่แพง ท่ามกลางอาหารนานาชาติที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบอาทิเช่น อิตาเลียน ฝรั่งเศส จีน เวียดนาม สแกนดิเนเวียน เนปาล อียิป ฮาวาย  เหตุที่ราคาแพงไม่ใช้ว่าแพงเพราะเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ แต่คือใบกระเพรา เพราะประเทศญี่ปุ่นกระเพรามีน้อยมาก จะมีก็แต่ที่จังหวัดโอกินาว่าและจิบะซึ่งมีสภาพอากาศใกล้เคียงกับไทย ส่วนใหญ่ใบกระเพราต้องนำเข้ามาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คนญี่ปุ่นชอบในรสชาติผัดกระเพรามาก รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นกระเพรา เมนูที่ชอบเป็นพิเศษคือ กะเพราหมูสับไข่ดาว คนญี่ปุ่นมีการโฆษณา เมนูผัดกระเพราเช่นกันบนรอไฟสาย yamanote line จึงสะท้อนความนิยมอาหารไทยของคนญี่ปุ่นได้พอสมควร

เมนูอาหารอื่นๆที่เป็นที่ชื่นชอบของคนญี่ปุ่นเช่น แกงเขียวหวาน ยำวุ้นเส้น ทอดมัน ผัดไทย ต้มยำกุ้ง ส้มตำ ข้าวผัดปู

ในหลายๆประเทศที่ไม่สามารถปลูกกระเพราได้ จึงดัดแปลงใช้ Basil แทนกระเพรา Basil คือผักที่ใช้ทำพิซซ่า แต่กลิ่นและรสในอาการจะสู้กระเพราของไทยไม่ได้เลย  ด้วยเหตุนี่ในซุปเปอร์มาเก็ตในประเทศสหรัฐจึงต้องติดฉลากคำว่า Thai Basil เพื่อป้องกันการสับสนของลูกค้า (ประเทศสหรัฐอเมริหาเองก็ชอบเมนูผัดกระเพราเช่นกัน แต่ชอบที่จะให้สับหรือซอยใบกระเพราถี่ๆ)

ใบกระเพราของฝรั่งก็มีเหมือนกันน่ะเช่น Sweet basil , Greek basilหรือBasil bush  Greek basil ได้รับความนิยมจากคออาหารไทยมากกว่าเนื่องจากกลิ่นใกล้เคียงกับกระเพราไทย

โรค
: ใบหงิก เมื่อใบหงิกแล้ว โครงสร้างของใบจะเสียไปแล้วจึงต้องตัดกิ่งทิ้งเพื่อให้แตกใบใหม่ สาเหตุใบหงิกเกิดจากเพลี้ยแป้งหรือเพลี้ยอ่อน

หากตัดกิ่งแล้วแตกยอดมาใหม่แล้วใบยังคงหงิกอยู่ แสดงว่าต้นขาดธาตุแคลเซียม ถ้าหายหงิกแสดงว่าแมลงรบกวน


Reference : wikipedia.org

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

ผักกาดเขียวปลี

ผักกาดเขียวปลี 




ผักกาดเขียวปลี  Mustard greens or Indian mustard or Chinese mustard or Leaf mustard or ผักโสภณ
คนจีนเรียกผักกาดเขียวปลีว่า "ต้๋วฉ่าย"(tua chai) หรือ Gai chai ในภาษาเขียน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Brassica juncea ใช้ระยะการปลูกสั้น ชอบอากาศหนาวเพราะจะทำให้ปลีภายในยิ่งใหญ่ อวบและกรอบมาก

ผักกาดเขียวปลีเป็นพืชจากผักกาดเขียว จัดเป็นผักใบสีเขียว ที่ตัดใบออกให้เหลือแต่ปลีกลมๆภายใน มีลักษณะปลีกลม ยิ่งอากาศหนาวปลียิ่งใหญ่ อวบ กรอบ ในประเทศไทยพื้นที่ภาคเหนือนิยมปลูก ผักกาดเขียวปลีเป็นพืชตระกูลเดียวกับผักกาดหอม คะน้า ส่วนของผักที่ใช้บริโภคเป็นใบ ลำต้น

ผักกาดเขียวมีรสขมมาก การปรุงอาหารจึงต้องนำมาลวกน้ำร้อนก่อนแล้วแช่น้ำเย็นก่อนนำไปผัดเป็นเมนูขึ้นโต๊ะ

สารอาหาร
ผักกาดเขียวปลีให้สารอาหาร วิตามิน เอ วิตามิน เค  แคลเซียม

อาหาร
ไม่เพียงแต่ไทยที่บริโภคผักกาดเขียวเป็นหรอก ประเทศอย่างแอฟริกา อิตาลี อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อาหารของชาวแอฟริกาในอเมริกา(soul food) เมนูอาหารของพวกเค้าก็อย่างเราๆนี้แหละ ผัดผักในน้ำมัน ผักดอก(canning) ผักกาดดองกระป๋อง มาการีน ต่างประเทศยังนิยมนำเมล็ดผักกาดไปทำมัสตาด น้ำมันพืชจากเมล็ดผักกาดและเป็นหนึ่งในน้ำมันพืชที่ดีที่สุดอีกด้วย

ชาวรัสเซีย ชอบนำเมล็ดผักกาดไปทำน้ำมันเมล็ดผักกาดเพราะเชื่อว่าเป็นหนึ่งในน้ำมันที่ดีที่สุด เมนูอาหารที่นำผักกาดไปทำเช่น มาการีน การดองหรือถนอมอาหาร การทำขนม มาการีนเป็นที่นิยมชมชอบของชาวรัสเซียมากที่สุด

ใบผักกาด เมล็ด ลำต้น ชาวแอฟริกา เนบาล จังหวัดPunjab (อ่านว่า Panjab)ในประเทศอินเดีย ปากีสถานนำมาประกอบอาหารทั้งหมดและ จะเรียกผักกาดเขียวปลีว่า Sarson da saag โดยเฉพาะชาวอินเดียนิยมมัสตาดมากที่สุุดซึ่งมัสตาดของพวกเค้าผลิตจากเมล็ดผักกาดเขียวและผลที่ได้มัสตาดจะมีสีน้ำตาล
(เมนูอย่างผัดผักรวม เรียกว่า "achar")

ผักกาดเขียวปลีเป็นพืชตระกูลเดียวกับคะน้า กระหล่ำ collard greensgเป็นผักชนิดหนึ่งคล้ายคะน้ามาก เมนูอาหารจึงไม่พ้นพวกผัดกับน้ำมัน การผัดผักรวมกับผักสีเขียวชนิดอื่น หรือผักสีอื่นๆ ใส่เนื้อสัตว์ เนื้อหมู ต่างๆ

ในเมนูอาหารจีนและญี่ปุ่น มีความคล้ายคลึงกันชอบใส่ผักกาดเขียวปลีเป็นส่วนประกอบในอาหาร เช่น Takana ซึ่งจริงๆแล้วก็คล้ายผัดผักในไทย อีกอย่างที่ชาวจีนและญี่ปุ่นนำผักกาดเขียวไปทำอาหารคือสตู ซึ่งทำกับมะขามและพริก

Reference: wikipedia.org