วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

ผักหวานป่า

ผักหวานป่า



 ยอดผักหวาน


สายพันธุ์ผักหวาน
ผักหวานสายพันธุ์ดง มีใบแหลม จะออกดอกช้าและผลสุกช้าที่สุดในจำนวนสายพันธุ์
ผักหวานสายพันธุ์โคก ใบรี ใบมน

การขยายพันธุ์
-เพาะเมล็ด
-ตอนกิ่ง
-ปลายราก



ผักหวานป่า แรกอยู่ตามเนินเขาป่า เมื่อจะนำมาบริโภคจำต้องเก็บมาจากป่า กระทั่งปัจจุบันเป็นที่นิยม เพื่อเพียงพอต่อความต้องการของตลาดจึงมีการทำสวนผักหวานกันเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น ภาคเหนือที่เชียงใหม่ เชียงราย ตาก ภาคใต้ที่สุราษฎร์ธานี ภาคกลางที่ลพบุรี อุทัยธานี สระบุรี ผักหวานป่าเป็นพืชกึ่งร่มกึ่งแจ้ง ชอบที่เย็น โดยอาศัยร่มเงาจากต้นพี่เลี้ยง การปลูกต้นพี่เลี้ยงและผักหวานป่าจึงเป็นคู่สร้างคู่สม ห่างจากกันไม่ได้  การปลูกพี่เลี้ยงมักปลูกควรอยู่ฝั่งทางตะวันตกเพื่อบังแสงแดดในช่วงบ่าย

รสชาติ มักนิยมนำยอดผักหวานป่ามาประกอบอาหาร ยอดมีสีเขียวอมเหลือง ลักษณะเป็นใบเรียงเดียวสลับกัน แคบรี ปลายใบแหลม รสชาติหวานกรุบ สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเช่น แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง ผักหวานป่าผัดน้ำมันหอย ทอดมันผักหวาน แกงเลียงผักหวานป่า ต้มจืดผักหวานป่า หรือแปรรูปเป็นผลิตพันธุ์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า หากวิเคราะห์ธาตุอาหารอุดมไปด้วย โปรตีน เกลือแร่ วิตามิน บีตาแคโรทีน

ต้นผักหวาน  เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง หากสูงมากต้องต่อตั้งร้านเก็บยอดผักหวาน แต่โดยทั่วไปเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บยอดก็ไม่ควรปล่อยให้ต้นสูงมากนัก หรือต้นขนาดเล็กๆเป็นพุ่มก็มี มื่อโตเต็มที่ลำต้นมีสีน้ำตาลปนดำ ขนาดลำต้นเท่าแขน เมื่อใบผักหวานแก่เต็มที่ใบมีรูปร่างรีกว้าง ใบสีเขียวเข้ม เนื้อกรอบ แข็ง

ผลผักหวาน เมื่อผักหวานโตเต็มที่ เริ่มออกช่อประมาณเดือนกุมภาพันธุ์ ช่อดอกคล้ายดอกมะม่วงหรือลำใย เกิดตามกิ่งหรือลำต้น เมื่อช่อติดลูกจะเริ่มเป็นตุ่มสีเขียวมีนวลเคลือบอัดแน่นเป็นกระจุก เมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองหรือส้ม (ผลเริ่มสุกเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม)

ลูกผักหวาน

ขั้นตอนการเพาะผักหวาน
ลูกผักหวานเมื่อสุกมีสีแหลืองหรือออกเหลืองแกมส้ม จะเพาะผักหวานได้ต้องนำเอาเปลือกและเนื้อผักหวานออกก่อน ควรใส่ถุงมือหรือใส่ลงกะละมังใช้เท้าเหยียบให้เนื้อผักหวานหลุด เมื่อเปลือกออกหมดแล้ว นำเมล็ดใส่ตาข่ายล้างน้ำให้สะอาดจนกระทั่งหมดเนื้อ พอเนื้อหมดแล้วนำมาแช่น้ำเพื่อดูลูกไหนเสียไม่เสีย ลูกไหนลอยแสดงว่าเสียเราจะไม่ใช่ เก็บแต่ลูกจมน้ำมาพึ่งให้แห้ง ประมาณ 1 วันแล้วจึงนำมาเพาะในขี้เถ้าแกลบ

วิธีเพาะลงกระบะ
เมล็ดผักหวานสุกงอม




ขัดเนื้อผักหวานออกจนเห็นเป็นสีขาว



เตรียมทรายลงกะบะ




เรียงเมล็ดลงกะบะ ปิดด้วยทรายและรดน้ำ





รากยาวอายุ 10 วัน




มีสองรากแก้ว




ปลายรากผักหวานเน่า



 

วิธีเพาะโดยนำเมล็ดลงดิน
ใช้แกลบดำหรือทรายค่อนข้างสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา นำแกลบดำโรยบนพื้นดิน หนา 5-10 ซม.(เพาะผักหวานในที่แดดเพราะผักหวานต้องแดดและความชื้น) หว่านเม็ดผักหวานลงไป โปรยแกลบดำปิดทับ ป้องกันแดดด้วยใบมะพร้าวหรือสแลนก็ได้ รดน้ำวันละครั้ง ภายใน 10 วัน รากจะยาวประมาณ 1 นิ้ว แม้ว่ากระทั่งรากขาด รากก็จะงอกออกมาเหมือนเดิม ดังนั้นต้นที่ออกมาใหม่ๆต้องระมัดระวังหรือหาอะไรคอบเอาไว้

การปลูกผักหวานป่าทำได้ทั้งการเพาะเมล็ดลงถุงชำเพื่อเป็นต้นกล้า ข้อดีคือมีระยะเวลาหลายเดือนในการเตรียมปลูก หรือโดยวิธีการหยอดเมล็ดลงหลุมปลูกโดยตรง ทำให้ประหยัดต้นทุนและแรงงาน แต่มีข้อจำกัดที่เมล็ดผักหวานที่จะปลูกเก็บไว้ได้ไม่เกิน 10 วันนับจากเก็บลงจากต้น

การปลูกต้นพี่เลี้ยงพร้อมกับต้นกล้าผักหวาน หรือปลูกต้นพี่เลี้ยงไว้ก่อนผักหวานก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของต้นผักหวาน ต้นพี่เลี้ยง ที่สำคัญในระยะเวลาที่เหมาะสมกับอายุของต้นกล้าผักหวาน หากให้ดีควรปลูกต้นพี่เลี้ยงไว้ 3เดือน-1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพดินพี่ทำให้ต้นพี่เลี้ยงโตให้ร่มเงา เมื่อผักหวานเริ่มแทงยอดในช่วง 3-5 เดือนแรก ต้นอ่อนของผักหวานป่าต้องการร่มมาก หากโดนแดดไปเต็มๆยอดจะยุบลงไปทันที การให้ร่มเงาผักหวานหากไม่สะดวกต้นไม้ จะเป็นอุปกรณ์ช่วยก็ได้

เมื่อต้นพี่เลี้ยงอายุได้2-3 ปี ควรตัดความสูงของต้นพี่เลี้ยงให้อยู่ที่ประมาณ 3 เมตร เพื่อป้องกันการโค่นล้มในกรณีการปลูกอยู่กลางแจ้งพื้นที่โล่ง

ขั้นตอนการปลูก
ผักหวานชอบปลูกในที่เนินน้ำไม่ท่วมขัง มีร่มไม้ที่เป็นพี่เลี้ยง เช่น ลำใย มะม่วง ฝรั่ง แต่ถ้าเป็นต้นสัก มะขาม ไผ่ ผักหวานจะไม่ค่อยขึ้นเพราะมีรากเยอะ เลือกพื้นที่ที่จะปลูก พูนดินขึ้น 5-10 ซม. ทำเป็นแอ่งหน่อยๆให้น้ำขังนิดๆ ใช้เหล็กหรืออะไรก็ได้ทิ่มลงไปในดิน ก็จะเกิดรูยาวๆลงดิน นำรากเม็ดผักหวานทิ่มลงไปในดิน กลบดิน 2 ใน 3 ส่วน (เหตุผลที่ใช้เหล็กทิ่มลงไปในดินเนื่องจากผักหวานในช่วงเดือนแรกระบบรากจะเจริญเติบโตเพียงอย่างเดียว จึงใช้เหล็กนำร่องให้รากลงไปในแนวดิ่ง) กดเหล็กลงแล้วหมุนดึงเหล็กออก นำรากผักหวานสอดเข้าไป เอาดินกลบเมล็ดสัก 2 ส่วน พ้นดิน 1 ส่วน เอาเศษฟางปิดทับพอแสงแดดส่องได้ ไม่หนาหรือบางเกินไป

เหตุผลที่เลือกปลูกโดยวิธีนี้เพราะไม่ทำลายโครงสร้างของดินลงไป ให้ดินมีความชื้นโดยธรรมชาติ แต่โดยทั่วไปที่ขุดดินลึกแล้วใส่ปุ๋ยหมัก เพราะมีระบบหยดน้ำช่วยรักษาความชื้น

หลังจากนั้น 2 ปี จึงจะเริ่มเก็บยอดขายได้ โดยจะต้องตัดแต่งกิ่งตั้งแต่เดือนธันวาคม งดให้น้ำจนใบร่วง จึงค่อยรดน้ำและใส่ปุ๋ยคอก ประมาณ 1 สัปดาห์จะเก็บยอดและขายได้ตั้งแต่เดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์ ถึงเดือนพฤษภาคม และหยุดเก็บให้ต้นพักตัวและสะสมอาหาร

ไม่ควรปลูกผักหวานป่าบริเวณปลายเนินที่น้ำใต้ดินอยู่ระดับตื้น เสี่ยงก่อให้เกิดรากเน่า เนื่องจากในฤดูแล้งยังมีน้ำในระดับดังกล่าว หากเป็นฤดูฝนดินฉ่ำน้ำทั้งใต้ดินและบนดิน แนะว่าให้ปลูกพืชจำพวกไม้ผลจะดีกว่า  สำหรับผักหวานเหมาะที่สุดช่วงกลางๆของเนินและบนเนิน

การให้ธาตุอาหาร
ปุ๋ยจากมูลสัตว์เช่น มูลวัว ควาย ไก่ รดน้ำด้วยฮอร์โมนเป็นครั้งคราว ซึ่งมีปริมาณธาตุอาหารรับรอง ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสเฟตที่เป็นประโยชน์ โพแทสที่ละลายน้ำ ละลายได้ในน้ำ พืชสามารถดูดซึมอาหารเข้าทางรากและทางใบช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของพืชในด้านลำต้นและใบ ในระยะแรกของการเจริญเติบโต แต่ให้ดีควรให้ฮอร์โมนทางดินจะดีกว่า พืชนำประโยชน์ได้มากกว่า ควรพ่นในช่วงเวลาเช้าหรือเย็นในเวลาที่อากาศไม่ร้อน ลมไม่พัดแรง และคาดว่าฝนจะไม่ตก หากฮอร์โมนเหลือใช้ควรเก็บในที่แห้งและร่ม

ในฤดูหนาว ร้อน ควรให้ปุ๋ยแบบน้ำกับผักหวาน บำรุงปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร หรือปุ๋ยเทศบาล (หลังส้วม) นำมารดบริเวณรอบโคนต้นผักหวาน หลุมด้วยวัสดุฟาง หรือใบไม้เพื่อรักษาความชุ่มชื้น รดน้ำตอนเย็นวันละ1ครั้ง หรือ3วันต่อ1ครั้ง

การเก็บยอดผักหวานป่า
ผักหวานมีวิธีเก็บยอดตลอดทั้งปี แต่หากเก็บทั้งปีผลเสียที่ได้ต้นจะโทรม อีกเหตุผลนึงคือ หากเก็บนอกฤดูรสชาติผักหวานจะไม่อร่อย รสชาติจืด กลิ่นไม่หอม  ในฤดูปรกติจะเก็บยอดช่วงเดือน 11 - 6 ของทุกปี ช่วงเดือนเมษาผักหวานป่าจะออกมาก ควรเลี่ยงเก็บช่วงนั้น รสชาติผักที่ได้ในหน้าแล้ง หวาน กรอบ หอม ส่วนเดือนที่เหลืออื่นๆจอยู่ในช่วงพักต้น  การเก็บเอายอดเก็บได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ในระหว่างเก็บอัดน้ำและปุ๋ยคอกลงไปด้วย หากต้นผักหวานสูงมากควรทำนั่งร้านเก็บรอบต้น

เมื่อผักหวานอายุได้4-5ปี อาจตัดต้นพี่เลี้ยงออกหรือไม่ออกก็ได้ เพราะไม่มีผลกับการออกยอด ออกดอกติดผลของผักหวาน หากผักหวานป่าอยู่ใต้ร่มเงาพี่เลี้ยงยอดที่ออกมาไม่แข็งง่าย คนเก็บไม่ร้อน การออกดอกติดผลของต้นผักหวานเร็ว ดี สมบูรณ์

ผักหวานเจริญเติบโตในช่วงหน้าหนาวและหน้าแล้ง ในช่วงหน้าฝนเป็นช่วงพักการเจริญเติบโต ในหน้าแล้งผักหวานป่าทั้งปุ๋ยและร่มเงาสำหรับเกื้อกูลทั้งระบบทางรากใต้ดินและร่มเงาชั้นบน

การรดน้ำยามผักหวานแตกยอด
ควนรดน้ำตอนเย็นเป็นสำคัญมากที่สุด เมื่อผักหวานแตกยอดแล้วหากรดน้ำตอนเช้าน้ำที่ใช้รดอาจค้างอยู่ที่ยอดได้ เมื่อแดดร้อนเที่ยงจะทำให้ยอดผักหวานไหม้

ต้นไม้พี่เลี้ยง
ต้นแคปลูกติดๆต้นผักหวานได้ 3-4 ปีต้นแคจะเริ่มตาย  ,เพกา, ชะอม,มะขามเทศระยะห่างจากต้นผักหวาน8-10 เมตร , ตะขบ ล้มเงาของตะขบมีหลายชั้นคล้ายฉัตร ทำให้อากาศใต้ร่มเงาเย็นสบาย ไม่ทึบไม่โปร่งแสงเกินไป ,ต้นหน่อยหน่าไม่ควรปลูกเพราะหน่อยหน่ามีระบบรากแก้ว รากแขนง มากกว่ารากฝอย  โดยทั้งหมดปลูกในทิศทางที่บังแดดได้

การปลูกผักหวานกิ่งตอน
การปลูกผักหวานด้วยกิ่งตอนเปอร์เซ็นการรอดค่อนข้างต่ำอย่างปลูก 10 ต้น รอดเพียง 3-4 ต้น ต้นที่ตายจะเริ่มเหี่ยวและแห้งตายไปในที่สุดถึงแม้ต้นจะเริ่มแตกยอดแล้วก็ตาม

โรคและศัตูพืช
เพลี้ยแป้ง อาศัยอยู่ใต้ใบ นิสัยไม่ชอบน้ำ ตัวเต็มวัยสามารถบินได้ กำจัดด้วยน้ำส้มสายชู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น