วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

น้ำมันที่ได้มาจากพืช

น้ำมันที่ได้มาจากพืช


น้ำมันงา
งาที่ใช้ทำน้ำมันงา เป็นทั้งชนิดงาดำ และงาขาว  ซึ่งผลที่ได้ทั้ง น้ำมันงาดำ และน้ำมันงาขาว แต่ในกระบวนการแยกน้ำมันงาออกจากงาเป็นกระบวนการเดียวกัน
กระบวนการแรก ได้จากวิธีการบดจากเครื่องบดHammer Mill  แล้วนำมากรองเพื่อให้ได้น้ำมันงา น้ำมันงาที่ได้ สี กลิ่น รสชาติ เป็นธรมมชาติล้วนๆ นำมาใช้ในครัวเรือน
กระบวนการที่สอง การใช้เครื่องบีบอัดจากโรงงานอุตสาหกรรมหรือการสกัดด้วยตัวทำละลาย ตัวทำละลายที่ใช้สกัดน้ำมันงาคือ เฮกเซน(hexane) เพื่อละลายน้ำมันงาออกจากเมล็ดงา น้ำมันงาที่ได้จะมีเฮกเซนผสมอยู่ เฮกเซนไม่สามารถรับประทานได้เพราะเป็นอันตรายต่อระบบหายใจ จึงต้องนำไปกลั่นแยกลำดับส่วนเพื่อแยกเฮกเซนออกจากน้ำมันงา ก็จะได้น้ำมันงาบริสุทธิ์ที่ต้องการใช้ หรือหลังจากนี้อาจจะมีกระบวนการฟอกสี ดูดกลิ่น ให้มีความหอมและน่ารับประทานยิ่งขึ้น ส่งผลต่อการตลาดให้ง่ายยิ่งขึ้น

น้ำมันงาบริสุทธิ์ที่ได้มีสีเขียวอมเหลือง และสีน้ำตาล แล้วแต่ประเภทงา น้ำมันงาบริสุทธิ์มีกลิ่นหอมมากจึงใช้ในการแต่งกลิ่นอาหาร โดยไม่นิยมนำไปทอดกับเนื้อสัตว์





น้ำมันถั่วเหลือง
จัดอยู่ในจำพวกน้ำมันจากพืช น้ำมันถั่วเหลืองเป็นน้ำมันที่ดึงออกมาจากเมล็ดถั่วเหลือง soybean โดยใช้ีวิธีสกัด สกัดโดยตัวทำละลาย ตัวทำละลายมีหลายชนิด แต่ที่เหมาะสำหรับถั่วเหลืองคือ เฮกเซน hexane
เมล็ดถั่วเหลืองมีเปือกสีขาว ออกเหลืองนวล ค่อนข้างแข็ง โดยนำไปบดให้แตก อาจจะใช้เครื่องบดหรือ hammer mill จากนั้นต้องสกัดน้ำมันออกจากถั่วเหลืองโดยใช้เฮกเซนสกัดเป็นตัวทำละลาย น้ำมันถั่วเหลืองที่ได้จะมีเฮกเซนผสมอยู่ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหายใจ  ต้องแยกเฮกเซนออกโดยวิธีระเหยหรือกลั่นแยกเฮกเซนออก ก็จะได้น้ำมันถั่วเหลืองบริสุทธิ์ ส่วนกากถั่วเหลืองที่เหลือเป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานอาหารสัตว์ หรือ ผลิตเป็นเลซิติน lecithin ซึ่งในถั่วเหลืองเป็นพืชที่มีปริมาณเลซิตินสูงที่สุด

เลซิตินเป็นส่วนประกอบของเยื่อบุเซลล์ในพืชและสัตว์ เป็นสารที่สำคัญต่อสิ่งมีชีวิต มีหน้าที่และคุณสมบัติ ช่วยบำรุงระบบประสาท บำรุงสมอง ป้องกันและบำรุงอวัยวะภายในเช่น ถุงน้ำดีและตับ






น้ำมันรำข้าว
รำข้าวที่ใช้สกัดเป็นน้ำมันรำข้าว เป็นส่วนผนังของเปลือกข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่หุ้มเอ็มบริโอและเอ็นโดสเปิร์มอยู่
รำข้าว มีส่วนประกอบดังนี้
Pericarp คือ เนื้อเยื่อพืช
Seed coat หรือ spermoderm คือ เปลือกหุ้มเมล็ด
Nucellus คือ เป็นเนื้อเยื่อหุ้มถุงเอ็มบริโอที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ข้างใน
Aleurone layer คือ เยื่ออาลูโรนหรือชั้นรำข้าวซึ่งจะอยู่ติดเอ็นโดสเปิร์ม ซึ่งตรงนี้เองจะเป็นส่วนของน้ำมันรำข้าว โดยอุดมด้วยโปรตีนและไขมัน

รำข้าวที่นำมาสกัด ต้องเป็นรำข้าวสด มีสีแดงและทองผสมอยู่ พร้อมสกัดได้ทันที จะไม่เก็บรำข้าวไว้เพราะรำข้าวมีไขมันสูงจะหืนง่าย ยิ่งอากาศร้อนยิ่งหืนเร็วและปริมาณความชื้นสูง

การสกัดรำข้าวใช้ตัวทำละลายสกัด เช่น เฮกเซน แต่เนืื่องจากเฮกเซนเป็นสารอันตรายจึงต้องแยกเฮกเซนออกด้วยจึงจะได้น้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์

ตัวอย่างของการนำน้ำมันรำข้าวไปใช้ประโยชน์ เช่น
ปรุงอาหาร ทำเนยขาว น้ำมันสลัด สบู่ สารกันผุกร่อน และกันสนิม




น้ำมันเมล็ดทานตะวัน
การแยกน้ำมันเมล็ดทานตะวันออกจากเมล็ดทานตะวันใช้วิธีการบีบโดยเครื่องบีบอัดเพื่อให้ได้น้ำมันเมล็ดทานตะวัน
โครงสร้างของเมล็ดทานตะวันที่นำมาทำน้ำมันทานตะวัน เป็นในส่วนของ เอ็นโดสเปิร์มendosperm ซึ่งอุดมด้วยโปรตีน ไขมัน และแป้งในรูปของสตาร์ชstarch
starchคือคาร์โบไฮเดรต โดยใช้วิธีการสตาร์ชนำสารประกอบอื่นๆออกจากคาร์โบไฮเดรต เพื่อให้ได้คาร์โบไฮเดรตดพียงอย่างเดียว
น้ำมันเมล็ดทานตะวันที่ได้ จะประกอบด้วยโปรตีน เหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินอีซึ่งสูงกว่าพืชชนิดอิ่นๆ กรดลิโนเลอิก
การใช้ประโยชน์จากน้ำมันทานตะวัน
การปรุงอาหาร น้ำมันสลัด อุตสาหกรรมอาหาร ทำครีมนวดผม ครีมและโลชั่น สี น้ำมันชักเงา เรซิน ผสมน้ำมันดีเซลเป็นไบโอดีเซลเพื่อใช้ในการเกษตรโดยเฉพาะ






น้ำมันปาร์ม
น้ำมันปาล์มผลิตมาจากผลปาล์มในส่วนผนังผลชั้นกลางของลูกปาล์ม โดยซื้อจากเกษตรกรทั้งปาล์มทะลายและปาล์มร่วง ซึ่งราคาปาล์มร่วงมีราคาดีกว่าปาล์มทะลาย
ในผลปาล์มสามารถผลิตน้ำมันได้ 2 ชนิดคือ 1. น้ำมันปาล์มดิบCrude palm oil ได้จากส่วนเปลือกของผลปาล์ม และอีกชนิดนึงคือ น้ำมันเมล็ดในปาล์ม Crude palm karnel oilผลิตจากเมล็ดของผลปาล์ม  ในน้ำมันปาล์มอุดมด้วย กรดไขมัน  สารแคโรทีนCarotenes เพราะผลปาล์มมีสีแดง

ในกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มจากผลปาล์มใช้วิธีการสกัดจากตัวทำละลาย โดยการสกัดใช้เฮกเซน เฮกเซนเป็นของเหลวเป็นอันตรายต่อระบบหายใจ จึงต้องกลั่นแยกเฮกเซนทิ้งอีที จึงได้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์
การนำน้ำมันปาล์มไปใช้ เช่น เป็นส่วนผสมของมายองเนสและน้ำมันสลัด สบู่ ผงซักฟอก และที่นิยมในปัจจุบันคือการทำไบโอดีเซล

น้ำมันมะกอก
กระบวนการผลิตใช้วิธี cold press แปลลว่าสกัดโดยไม่ใช้ความร้อน แต๋่การสกัดด้วยความร้อนก็มี ต่างกันตรงที่การสกัดแบบ cold press ได้คุณภาพมะกอกที่ดีมากและดีที่สุด

น้ำมันมะกอกที่ดีที่สุดจะสกัดแบบ cold press น้ำมันจะออกมาจากส่วนเนื้อมะกอกเพราะจะต่างจากจำพวกที่ได้น้ำมันจากเมล็ดเช่น เมล้ดถั่วเหลือง งา เมล็ดทานตะวัน ข้าวโพด แต่ผลิตได้จำนวนน้อยมาก น้ำมันมีคุณภาพที่สุด เรียกน้ำมันชนิดนี้ว่า Extra Virgin Olive oil รสชาติและกลิ่นได้ได้มะกอกมาทั้งหมด วิตามิน สารอาหารต่างๆครบถ้วน กลิ่นหอมมาก วิธีเก็บเกี่ยวก็เก็บเอากับมือ เก็ลเฉพาะลูกสีเขียวเพราะจะได้น้ำมันที่มีคุณภาพ ต้องเก็บเดือน 10 11 12 เท่านั้น หากเก็บลูกสุกเกินไปน้ำมันที่ได้จะหืนมาก เก็บแล้วต้องเข้ากระบวนการสกัดทันทีจึงจะได้น้ำมันมะกอกที่สุดยอดของคุณภาพ โดยจะไม่นิยมนำน้ำมันมะกอกชนิดนี้ไปทอด เพราะการผ่านความร้อนจะทำให้มะกอกเสียรสชาติและกลิ่น เค้าจะเอาไปกินกับ salad ,soup ราดปลา นำไปจิ้มกับขนมปัง  ประเทศที่ชอบกินน้ำมันมะกอกแบบนี้มากที่สุดในโลกคือ อิตาลี โดยเมนูอาหารมีน้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบมาก ส่วนประเทศที่ผลิตน้ำมันมะกอกมากที่สุดกลับเป็นสเปน

หากจะนำน้ำมันมะกอกมาทอด ควรเป็นน้ำมันมะกอกแบบ Pure Olive oil  เพราะน้ำมันราคาถูก สกัดแบบใช้ความร้อน

น้ำมันมะกอกเมื่อเปิดแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 2 เดือน  เพราะจะเกิดปฏิกิริยา Oxidation  น้ำมันจะหืน





น้ำมันมะพร้าว 
เนื้อมะพร้าวถูกบีบอัดหรือต้มเพื่อที่จะนำมาทำน้ำมันมะพร้าวโดยใช้เนื้อมะพร้าวที่แห้งแล้วเรียกว่า Copra เนื้อมะพร้าวเป็นส่วนของเอนโดสเปร์มแบบแข็ง ส่วนน้ำมะพร้าวเป็นเอนโดสเปิร์มแบบเหลว
ในส่วนของกะลามะพร้าว ซึ่งคือส่วนที่ติดกับเยื่อเนื้อมะพร้าวสามารถนำไปทำน้ำมัน paring oil
เนื้อมะพร้าวอุดมไปด้วยสารประกอบเช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมัน น้ำตาล เหล็ก วิตามินบี5 ฟอสฟอรัส สังกะสี
ประโยชน์น้ำมันมะพร้าว
เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและดูแลกระดูกให้แข็งแรง เสริมสร้างการทำงานตับให้ช่วยย่อยไขมันได้ง่ายขึ้น ดูแลรากผมและหนังศรีษะและยังสามารถช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดโดยใช้น้ำมันนวดตัวหรือตำหรับสปา

น้ำมันข้าวโพด
ส่วนของเมล็ดข้าวโพดเป็นเอ็มบริโอของต้นข้าวโพดจะนำมาทำน้ำมันข้าวโพด (Feed Maize  or Corn Kernel) มีคุณค่า พลังงานสูงมากenergy  แมกนีเซียม โปรตีน ไขมัน วิตามินบี 6 , ไรโบเฟลวินRiboflavinหรือวิตามินบี 2 , ลูทีน+ซีแซนทีน (Lutein+Zeaxanthin)

ข้าวโพดมีหลายสายพันธุ์แยกออกตามวัตถุประสงค์ของการใช้ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ดจะแห้งแข็ง เป็นพันธุ์ข้าวโพดไร่(Field Corn) ถ้าเอาไปแป้งข้าวโพดเป็นพันธุ์ข้าวโพดแป้ง(Flour Corn) ส่วนที่เรารับประทานและประกอบอาหารเป็นพันธุ์ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดคั่ว ข้าวโพดเทียนเนื้อเมล็ดเหนียวออกสีขาวๆ

การสกัดเมล็ดข้าวโพดเป็นน้ำมันข้าวโพด ต้องจัดการบด บีบ เมล็ดข้าวโพดให้แตกเสียก่อน จึงจะนำไปสกัดด้วยตัวทำละลาย ใช้ชนิดเฮกเซน จึงจะได้น้ำมันข้าวโพด แต่ก็ต้องแยกกลั่นเฮกเซนออกด้วยจึงจะได้น้ำมันข้าวโพดบริสุทธิ์

การนำไปใช้ประโยชน์
จากพืชดังเดิมที่ปลูกข้าวโพดเพื่อเลี้ยงสัตว์ นำไปทำอุตสาหกรรสบู่และสี เมื่อพลังงานปิโตรเลียมเริ่มลดลงและมีราคาแพงจึงนำน้ำมันข้าวโพดมาทำเอทานอลเป็นพลังงานไบโอใช้กับเครื่องยนต์




น้ำมันเมล็ดฝ้าย Linseed oil or Flax seed oil 
การดึงน้ำมันในเมล็ดฝ้ายออกมานั้นต้องบีีบเพื่อนำน้ำมันออกมา น้ำมันเมล็ดฝ้ายมีสีใสเหลือง วิตามินอี กรดไขมันโอเลอิก ปฏิกิริยาการคายความร้อนสูง มีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ มีจุดเดือดสูง เหมาะกับการทอดแบบ Deep Fried จะได้อาหารกรอบทั่วถึง  กรอบนาน ไม่เหม็นหืนง่าย

น้ำมันเมล็ดฝ้ายมีสารพิษอยู่จริงคือ กอลสิพอลGossypol , Cyclopropenoid fatty acid และถูกกำจัดออกโดยใช้ไอน้ำ






น้ำมันถั่วลิสง
มีปริมาณโปรตีนและไขมันสูงโดยเฉพาะไขมันมีอยู่หลากชนิด จึงนำมาทำน้ำมันพืชเพื่อใช้ในการปรุงอาหารหรือประกอบอาหาร ชาติที่อาหารนิยมใช้น้ำมันน้ำมันถั่วลิสงมากคือ ชาติจีนและฮ่องกง

น้ำมันถั่วลิสงมีกลิ่นเฉพาะแรงมาก บางเมนูอาหารอาจได้กลิ่นถั่วลิสงรุนแรงจึงไม่นิยมรับประทาน ส่วนใหญ่ที่นำน้ำมันถั่วลิสงไปใช้ เช่นอาหารจำพวกทอด แต่ก็ควรระวังน้ำมันจะหืนง่าย ไม่ควรเก็บไว้นงจนเกินไป ไม่ควรใช้น้ำมันหลายๆครั้ง และหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกทอดที่ต้องใช้น้ำมันจนท่วม เช่น ปาท่องโก๋

การดึงน้ำมันออกมาจากถั่วลิสง ใช้วิธีบีบอัดโดยเครื่องมือ หรือสกัดด้วยตัวทำละลายเช่น เฮกเซน โดยในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นิยมใช้วิธีการสกัดจากตัวทำละลาย โดยขั้นสุดท้ายของการได้น้ำมันที่บริสุทธิ์จะต้องสกัดเฮกเซนออกด้วย จึงจะนำน้ำมันถั่วลิสงไปใช้ประโยชน์ให้เกิดตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องและเหมาะสม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น